Work – Life Balance
ในยุคปัจจุบัน ยังใช้ได้อยู่หรือเปล่า ?
- วันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ก็ยังไม่วายคิดเรื่องงาน ชีวิตมีแต่เรื่องงานจนขาดสมดุล อาจทำให้เกิดภาวะ Burnout Syndrome ได้ เพราะเหตุนี้ จึงทำให้ย้อนกลับมาถามตัวเองว่า Work – Life Balance ยังใช้ได้อยู่ไหมในยุคปัจจุบันนี้
- ส่วนใหญ่ผู้ที่ประสบความสำเร็จ มักไม่ค่อยเชื่อในเรื่อง Work – Life Balance ไม่ใช่เพราะแบ่งเวลาไม่ได้ แต่เป็นเพราะ พวกเขาเต้นรำไปกับชีวิตและงานพร้อมกัน หรือคิดว่างาน ก็คือ กิจกรรมที่เข้าจังหวะกับชีวิต
- Work – Life Balance เป็นแค่ภาพลวงตา งานกับชีวิตส่วนตัวแยกจากกันไม่ได้ เพราะ งานเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต การปิดปิดหูปิดตาเรื่องงานนั้นทำได้ยาก เปรียบได้กับชีวิตเป็นวงกลมวงใหญ่ ซึ่งในวงกลมนั้นก็ต้องมีวงกลมเล็ก ๆ อย่าง หน้าที่การงาน ครอบครัว หรือความสัมพันธ์ อยู่ด้วย
ในยุคปัจจุบันที่คนวัยทำงานมักแสวงหาความสมดุลของชีวิต หรือ Work – Life Balance อยากมีเวลาพัก ใช้ชีวิตส่วนตัว แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อกลับถึงบ้านก็ยังไม่วายคิดเรื่องงาน อยากเคลียร์งานให้เสร็จ เผลอ ๆ ลากยาวไปถึงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์อีกต่างหาก ชีวิตเลยมีแต่เรื่องงานจนขาดสมดุล จนในที่สุดถึงขั้นอาจเกิดภาวะ Burnout Syndrome ขึ้นได้ เพราะเหตุนี้นี่เองที่ทำให้เราย้อนกลับมาถามตัวเองว่า Work – Life Balance ยังใช้ได้อยู่ไหมในยุคปัจจุบันนี้ มาหาคำตอบและทำรู้จักกับอีกหนึ่งไอเดียในการสร้างสมดุลให้งานและชีวิต หรือเรียกว่า Work – Life Flow ไปพร้อมกันเถอะ
ในยุคปัจจุบันนี้ Work – Life Balance ยังใช้ได้อยู่ไหม ?
Work – Life Balance คำที่หลายคนอยากได้มาอยู่ในชีวิตจริง ซึ่งบ่อยครั้งต้องยอมรับว่าเราพยายามที่จะแบ่งเวลาการทำงานและเวลาการใช้ชีวิตส่วนตัวแล้ว แต่ก็ยังต้องทำงานทุกวันอยู่ จนรู้สึกว่าชีวิตไม่สมดุล จนใน 2 – 3 ปีที่ผ่านมา ความสมดุลเหล่านี้เกิดขึ้นได้ยาก ทำให้รู้สึกทำงานหนักเกินไป เหนื่อย จนหมดแรงไม่มีพลังงานไปทำอย่างอื่น ไม่สามารถบริหารเวลาไปใช้ชีวิตส่วนตัวได้ และนี่ก็คือเหตุผลที่เราอยากบอกกับทุกคนว่า Work – Life Balance ใช้ไม่ได้จริงในยุคปัจจุบันนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำอะไรไม่ได้เลย เพราะมีอีกหนึ่งแนวคิดที่ควรนำมาปรับใช้มากกว่า Work – Life Balance นั่นก็คือ Work – Life Flow
Work – Life Flow วิธีการเต้นรำไปกับชีวิตและงาน โดยที่งานมีความลื่นไหล ไม่จำเป็นต้องแบ่งเวลาอย่างชัดเจน ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเป็นด้านธุรกิจ หรือการงาน จะเป็นนักร้อง นักแสดง สถาปนิก และหลาย ๆ คน มักไม่ค่อยเชื่อในเรื่อง Work – Life Balance ไม่ใช่ว่าแบ่งเวลาไม่ได้ แต่เป็นเพราะพวกเขาเต้นรำไปกับชีวิตและงานพร้อมกัน เช่น มีหลายคนที่วันเสาร์ อาทิตย์ยังทำงานอยู่ หรืออีกหลายคนที่แปดโมงเริ่มทำงาน บางทีตีสามก็ยังทำงานอยู่เลย เป็นเพราะเขาคิดว่างาน ก็คือ กิจกรรมที่เข้าจังหวะกับชีวิตนั่นเอง
สรุปประเด็นของ Work – Life Balance
1.Work – Life Balance ก็แค่ภาพลวงตา งานกับชีวิตส่วนตัวแยกจากกันไม่ได้ เพราะ งานเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต การปิดปิดหูปิดตาเรื่องงานนั้นทำได้ยาก เปรียบได้กับชีวิตเป็นวงกลมวงใหญ่ ซึ่งในวงกลมนั้นก็ต้องมีวงกลมเล็ก ๆ อยู่ด้วย เช่น หน้าที่การงาน ครอบครัว งานอดิเรก ความสัมพันธ์ หรือรวมถึงสุขภาพ
2.A Destructive Cycle วงจรอุบาทว์ที่เกิดจากการอัดแน่นของการทำงานอย่างบ้าคลั่ง 7 ชั่วโมง กลับบ้านมาดูหนัง นอน แล้วตื่นเช้ามาเข้างานตามเวลาเป็น Routine ถ้าเรายิ่งทำตามเวลาที่กำหนดเอาไว้ ผลงานสร้างสรรค์มักไม่ค่อยเกิด และจะทำให้ยิ่งรู้สึกเหนื่อย การทำ Time Boxing เป็นการแบ่งเวลาของตัวเองว่า ชั่วโมงแรกจะทำอะไร ชั่วโมงที่สองทำอะไร ไม่ใช่ให้คนอื่นมากำหนดให้ แต่จะต้องเป็นการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ของชีวิตไปเรื่อย ๆ เพราะ ชีวิตในแต่ละวันไม่มีทางเหมือนกัน หากวันนี้ต้อง Launch Product ใหม่ ก็ต้องหันมาเน้นส่วนของงานให้มากขึ้น
3.The Standard Solution ชั่วโมงการทำงานไม่มีผล สำหรับให้เราสร้างสมดุลของตัวเองได้ ซึ่งจริง ๆ แล้ว ‘เวลา’ ไม่ใช่ตัวบอกคุณภาพ คุณอาจจะเคยพบกรณีที่คิดงานออก ปิ๊งไอเดียได้ภายในเสี้ยวนาที เหมือนกับงานที่ใช้เวลาทำทั้งเดือน บางทีคิดทั้งปียังคิดไม่ออกเลยด้วยซ้ำ ขึ้นอยู่กับว่ามัน Flow หรือมี Quality หรือเปล่านั่นเอง
เต้นรำไปกับชีวิตและงาน ด้วยเทคนิค Work – Life Flow
1.เลิกคิดว่าทำงานไปแล้วกี่ชั่วโมง แต่ให้คิดว่า Flow งานวันนี้เป็นอย่างไร รู้จัก Flow งานของตัวเอง บางคน Flow งานมีประสิทธิภาพตอนเช้าที่ร้านกาแฟ ก็ควรให้เวลากับตัวเองในตอนเช้า ซึ่งเวลากับสถานที่เป็นเรื่องสำคัญ แต่อย่าโฟกัสมากเกินไป
2.มองหาบริษัทที่ตอบโจทย์บางอย่างของชีวิต เพื่อนร่วมงาน หรือบริษัทของคุณเองจะต้องตอบโจทย์ทั้ง Work และ Life ถ้าเรารู้สึกว่างานและการใช้ชีวิตเป็นส่วนเดียวกัน เราจะไม่รู้สึกว่าเวลาไหนเป็นเวลางานหรือเวลาไหนเป็นของชีวิตส่วนตัว
3.สร้างกิจวัตรประจำวันในตอนเช้า การสร้าง Flow ชีวิตในแต่ละวัน ช่วงเวลา 1 ชั่วโมงหลังตื่นนอน สำคัญที่สุด เช่น ออกกำลังกาย นั่งสมาธิ อ่านข่าว เปิดอีเมล ไม่มีถูกผิด ลองออกแบบสิ่งเหล่านี้ดู จะช่วยทำให้พร้อมสำหรับวันใหม่ได้ดี
4.ออกแบบให้บางอย่างให้ตรงกับความต้องการของตัวเอง มากกว่าคำนึงถึงสิ่งที่สังคมเคยบอกว่าดี เช่น ถ้าอยากนอนตอนกลางวันสักหนึ่งชั่วโมง Take a nap ก็ไม่ผิด และด้วยความที่เราอยู่ในยุคที่เร่งรีบตลอดเวลา ถ้าไม่รู้จักให้เวลาตัวเอง โลกของคุณก็จะหมุนรอบเป้าหมายที่คนอื่นได้ตั้งไว้
5.ทำความเข้าใจเถอะว่าไม่มีอะไรเป็นไปตามแผนได้ 100% หากวันไหนที่มีอะไรไม่เป็นไปตามแผน ลองมองอีกมุมว่า ไม่เป็นไร พักสักหน่อยแล้วค่อยไปต่อก็ได้ เช่น ทำแคมเปญโฆษณาแข่งกันในไตรมาสสุดท้าย ช่วงเวลานั้นบางอย่างอาจไม่เป็นไปตามแผน ก็ต้องเข้าใจว่าชีวิตมันก็แบบนี้
6.หา Solution หรือตัวแทนในการทำงาน คือ การออกแบบให้ตรงกับธรรมชาติของการทำงาน เช่น หาคนแสตนด์บายทำข่าวในช่วงวันหยุด แต่ต้องสลับให้เขามีวันหยุดในวันธรรมดา หรือเรียกว่า ตัวตายตัวแทน แต่งานบางอย่างไม่สามารถแทนกันได้ เช่น งานที่เป็นลูกที่ดี งานที่เป็นเพื่อน หรือคู่รักที่ดี ฉะนั้น Flow ตรงนี้จะต้องออกแบบให้ดีที่สุด
7.หางานที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต Mission บางอย่างเหมือนหาเนื้อคู่ ข้อสำคัญที่จะทำให้ Work – Life Flow เกิดขึ้นได้จริง หากวงกลมสองวงที่เป็นงานกับชีวิต ซ้อนทับกันแบบสมบูรณ์ หางานให้เหมือนการตามหาเนื้อคู่ที่จะอยากอยู่ด้วยกันไปนาน ๆ มีความสุขจนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
Work – Life Flow ไอเดียนี้ไม่มีผิด ไม่มีถูก ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยทำให้มีความลื่นไหลในชีวิต โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเวลามากจนเกินไป เป็นการ Work Smart ไม่ใช่ Work Hard และอย่าลืมว่า ‘งานที่เหมาะสมกับเรา จะไม่ทำให้รู้สึกว่าเป็นภาระ แต่เป็นกิจกรรมที่เข้าจังหวะกับชีวิต’