พาไป “ภูสอยดาว”
เขาที่ใครก็อยากพิชิต เพราะเห็นทางช้างเผือก
“ภูสอยดาว” เขาที่ใคร ๆ ก็อยากพิชิต เพราะมีจุดเด่นคือ “ทางช้างเผือก” และ “ดอกหงอนนาค” แถมยังสูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทยอีกด้วย บอกเลยว่าไม่ธรรมดา
ใครอยากไปถ่ายรูปกับดอกหงอนนาคให้ไปช่วง สิงหาคม – กันยายน แต่อาจจะไม่เห็นทางช้างเผือกนะ อยากดูให้ไปช่วงหน้าหนาว
การเดินขึ้นภูสอยดาวควรใส่รองเท้าเดินป่าที่ดอกยางหนา ไม่แนะนำรองเท้าวิ่งหรือผ้าใบ
หากใครไปช่วงหน้าฝนควรพกเสื้อกันฝนไปด้วย รวมถึงอาหารที่ต้องเตรียมเอง เพราะที่นี่ไม่มีของขายระหว่างทาง
การเดินทางไปภูสอยดาว สามารถนั่งรถไฟหรือรถทัวร์ไปลงที่พิษณุโลก จากนั้นค่อยต่อรถไปอุทยาน แนะนำให้เช่ารถ “พี่เก่ง” เพราะสะดวกสุดแล้ว หรือใครอยากขับรถไปเองถึงอุทยานก็ย่อมได้ แต่ต้องทำการจองก่อน!
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวเป็นพื้นที่ที่ครอบคลุมทั้งจังหวัดพิษณุโลกและอุตรดิตถ์ มีไฮไลต์สำคัญคือ “ทุ่งดอกหงอนนาค” และ “ทางช้างเผือก” นอกจากนี้ ยังมีน้ำตกภูสอยดาว, น้ำตกสายทิพย์ และหลักกิโลเมตรไทย – ลาว ให้เราได้เที่ยวเล่นอีกด้วย อีกทั้งยังสามารถเดินต่อเพื่อไปพิชิตยอด 2,102 เมตร ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เรียกได้ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปพิชิตให้ได้เลย ใครอยากรู้ว่าไปภูสอยดาวต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ตามเรามา
เที่ยวภูสอยดาวช่วงไหนดี
สามารถเที่ยวภูสอยดาวได้ตลอดทั้งปี
– อยากเห็นทางช้างเผือกแบบชัด ๆ ให้ไปช่วงหน้าหนาว เพราะเป็นช่วงที่เห็นดาวได้ชัดที่สุดใน 3 ฤดู
– อยากถ่ายรูปกับทุ่งดอกหงอนนาค ให้ไปช่วงหน้าฝน เดือนสิงหาคม – กันยายน ของทุกปี
สิ่งที่ต้องเจอตอนเที่ยวหน้าฝน
– ทางเดินชื้นแฉะ ขาขึ้นไม่เท่าไหร่ แต่ขาลงลื่นสุด ๆ ต้องระมัดระวังอย่างมาก บางเนินก็แทบไม่มีอะไรให้เกาะ
– ฝนอาจตกตลอดทั้งคืน มีโอกาสที่เต็นท์จะเปียก
– ช่วงนี้จะไม่เปิดให้เดินขึ้นไปที่ยอด 2,102 เมตร
ระยะทางและเวลาในการเดินขึ้นภูสอยดาว
ภูสอยดาวมีระยะทาง 6.5 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาในการเดินถึง 6 ชั่วโมง บางคนอาจจะน้อยหรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน (ไม่อยากทรมานตอนลงจากเขา ควรฟิตร่างกายให้พร้อม)
“สิ่งที่ต้องรู้” ก่อนไปภูสอยดาว
- ไม่มีร้านอาหารระหว่างทาง ต้องพกไปเอง
- อุทยานภูสอยดาวมีห้องน้ำให้ แต่ต้องไปตักน้ำในลำธารมาใช้ ห้ามลงไปอาบในลำธารเด็ดขาด!
(ถังน้ำกับขันต้องเช่าเอานะ) - หากไม่อยากพกเต็นท์ แผ่นรองนอน หมอน ผ้าใบกันฝน ที่นี่มีให้เช่า!
- มีเตาแก๊ส เต่าถ่าน แก๊สกระป๋อง และอุปกรณ์อื่น ๆ ให้เช่า
- น้ำดื่มมีเจ้าหน้าที่รองน้ำฝนไว้ให้ หรือจะซื้อแล้วจ้างลูกหาบหาบขึ้นไปก็ได้
- ด้านบนมีตู้กดน้ำหยอดเหรียญ ใช้ได้แค่เหรียญ 5, 10 (วันไหนฝนตก ไร้แสงแดดเป็นเวลานาน ตู้อาจจะใช้งานไม่ได้ เพราะใช้ไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์)
- แม้จะเป็นหน้าฝน แต่ข้างบนหนาวมาก อย่าลืมพกเสื้อกันหนาวไปด้วย
- ขยะต้องแบกลงมาทิ้งเอง จ้างลูกหาบกิโลละ 30 บาท
- มีข้าวไข่เจียวขาย 40 บาท มีเมนูเดียว!
ลิสต์ของจำเป็น! ที่ต้องใช้ระหว่างเดินขึ้นภูสอยดาว
1. รองเท้าเดินป่าหรือรองเท้าที่มีดอกยางหนา ไม่แนะนำรองเท้าวิ่งหรือผ้าใบธรรมดา
2. น้ำดื่ม ควรพกอย่างน้อย 1 ขวดใหญ่
3. ของหวานเคี้ยวเล่น, เครื่องดื่มชูกำลัง, เจลพลังงาน เผื่อน้ำตาลตก
4. ข้าวปลาอาหาร เอาไว้กินระหว่างเดินทาง
5. เสื้อกันฝน *ช่วงหน้าฝน ฝนตกตลอดเวลา
6. ไม้เท้าเดินป่า ช่วยได้เยอะมาก จะใช้ไม้ไผ่ที่คนตัดไว้แถวนั้นก็ได้
7. ยาดม
8. ยาโรคประจำตัว หรือยารักษาโรคเผื่อฉุกเฉิน เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้แพ้ ยาทาแผล ฯลฯ
*อย่าแบกอะไรไปเยอะ เอาเท่าที่จำเป็นจริง ๆ
การเดินทางไปภูสอยดาว
- รถไฟ – สาย กทม.- เด่นชัย จากหัวลำโพงมาลงสถานีพิษณุโลก ประมาณ 199 บาท (ที่นั่งปกติ)
- รถทัวร์ หมอชิต – พิษณุโลก ประมาณ 336 บาท
จากนั้นต่อรถไป อ.ชาติตระการ แล้วขึ้นรถสองแถวจากตลาดชาติตระการเข้าอุทยานภูสอยดาว
วิธีที่สะดวกกว่า: เหมารถสองแถวจากพิษณุโลกเข้าอุทยานเลย ติดต่อจองรถที่เบอร์ 087-7330661, 0624185110 (พี่เก่ง) ขาไป 180 บาท ไป-กลับ 350 บาท (บริการดีมาก แวะตลาดให้ด้วย แถมเป็นกันเองสุด)Facebook: รถรับส่งภูสอยดาว เขาหลวงสุโขทัยเก่งสองแถว https://www.facebook.com/profile.php
- รถยนต์
– จากจังหวัดพิษณุโลก ขับไปอำเภอชาติตระการ แล้วเข้าอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว รวมระยะทางประมาณ 188 กิโลเมตร
– จากจังหวัดอุตรดิตถ์ ขับไปอำเภอน้ำปาด แล้วเข้าอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว รวมระยะทางประมาณ 133 กิโลเมตร
ค่าใช้จ่ายในการเข้าอุทยานภูสอยดาว
1. ค่าเข้าอุทยาน 40 บาท
2. ค่าลูกหาบกิโลกรัมละ 30 บาท *เตือนไว้ก่อนว่าอย่าประมาทแบกเอง แม้ของจะหนักแค่ 6-7 กิโลก็ตาม เพราะเดินไกลและทางชันมาก แบกเบา ๆ ยังเหนื่อย แต่ถ้าใครคิดว่าไหวก็จัดเลย!
3. ค่ามัดจำขยะ 200 บาท
ขั้นตอนการท่องเที่ยวอุทยานภูสอยดาว
1. ก่อนไปต้องจองอุทยานที่แอปพลิเคชัน “QueQ” เลือก “อุทยานแห่งชาติ” (จองล่วงหน้าได้ 15 วัน)
2. ไปถึงอุทยานแล้วจะเจอ “ด่านเก็บค่าบริการ” ให้เราแสดงบัตรคิวการจองจากแอปฯ “QueQ” จากนั้นก็รับบัตรคิว วัดไข้ จ่ายค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน
3. ไปที่ “ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว” กรอกข้อมูลส่วนตัว
4. ไปที่ “จุดบริการนักท่องเที่ยว 1” เพื่อเช่าเต็นท์ ชั่งน้ำหนักสัมภาระที่จะจ้างลูกหาบ และชำระเงินค่าลูกหาบกับค่ามัดจำขยะ
5. ไป “E–TOK Station” รอขึ้นรถไปจุดบริการนักท่องเที่ยว 2
6. ตรวจบัตรค่าบริการที่ “จุดบริการนักท่องเที่ยว 2” จากนั้นก็เดินขึ้นเขาอีกประมาณ 4-6 ชม.
7. เดินไปถึงลานสนจะมี “จุดบริการนักท่องเที่ยว 3” ให้เราไปรับของจากลูกหาบ และเช่าอุปกรณ์อื่น ๆ
8. ขาลงให้ขึ้นรถมาที่ “จุดบริการนักท่องเที่ยว 4” เพื่อชำระค่าลูกหาบ (ขาลง) และรับเงินค่ามัดจำขยะคืน (ใครยังไม่ได้อาบน้ำมาอาบที่นี่ได้)
ดูเหมือนยุ่งยากเพราะต้องไปหลายที่ แต่จริง ๆ ไม่ยากอย่างที่คิดนะ เพราะเจ้าหน้าที่จะบอกตลอดว่าต้องทำอะไรที่จุดไหนบ้าง
แพลนการเดินทางไป "ภูสอยดาว"
1. ขึ้นรถทัวร์หรือรถไฟรอบประมาณ 20.10 น. เพื่อให้ไปถึงพิษณุโลกตอนตี 4 ถ้านั่งรถไฟอาจจะเลตหน่อย
2. ตี 4 ให้คนขับรถที่เราเช่าไว้มารับที่สถานีพิษณุโลกหรือ บขส. จากนั้นก็นั่งหลับยาว ๆ มีแวะตลาดให้เราซื้อของกิน
3. 08.00 น. ถึงอุทยานภูสอยดาว ลงทะเบียน ชั่งน้ำหนักสัมภาระ ชำระเงินให้เรียบร้อย
4. 09.00 น. เตรียมขึ้นเขา
5. 15.00 น. ถึงลานกางเต็นท์ พักผ่อนตามอัธยาศัยเลย นอนกี่คืนก็ว่ากันไป
การเดินลงเขาใช้เวลา 2-4 ชั่วโมง ใครที่ปวดขาหรือขาระบม อาจจะใช้เวลามากกว่านี้หน่อย เพราะฉะนั้น เผื่อเวลาตอนขากลับให้ดี
สำหรับใครที่คิดว่าจะพาตัวเองไปลำบากทำไม อยากให้ลองไปดูสักครั้ง ถือว่าเปิดประสบการณ์ใหม่ บอกเลยว่าฟินมาก ยิ่งไปกับเพื่อนเยอะ ๆ ยิ่งสนุก เหนื่อยก็พัก ไม่ต้องรีบ ย้ำว่าเตรียมร่างกายตัวเองให้ดี อย่าคิดว่ายังไงก็ไหว เพราะส่วนตัวไม่ค่อยออกกำลังกาย กลับมาก็คือเดี้ยง แต่ถามว่าไปอีกไหม บอกเลยว่าแน่นอน แล้วเจอกันที่ภูสอยดาวนะ!