เผด็จการvsคอมมิวนิสต์

‘คอมมิวนิสต์’ ต่างจาก ‘เผด็จการ’ อย่างไร
ทำไมคนเข้าใจว่าเหมือนกัน

  • แนวคิดคอมมิวนิสต์ที่สมบูรณ์แบบให้เรานึกถึง “ยูโธเปีย” ที่เป็นโลกที่ทุกคนเท่าเทียมกัน ทุกคนไม่มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนบุคคล
  • การจะเป็นสังคมในอุดมคติตามแนวคิดคอมมิวนิสต์ได้ต้องมีการปฏิวัติเท่านั้น!
  • เมื่อปฏิวัติแล้วก็ยากที่จะยอมลงจากอำนาจ สุดท้ายก็กลายเป็นเผด็จการไปดื้อ ๆ
  • เผด็จการ = การรวมอำนาจไว้ที่คน ๆ เดียว หรือคนกลุ่มเดียว ผู้นำมีสิทธิ์ใช้อำนาจได้เต็มที่โดยไม่ต้องฟังเสียงคนส่วนใหญ่

หลายคนมักเข้าใจผิดว่าระบอบเผด็จการกับคอมมิวนิสต์คืออย่างเดียวกัน ซึ่งก็ไม่แปลกที่คนทั่วไปคิดแบบนั้น เพราะบางประเทศที่บอกว่าตัวเองปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ก็ยังเหมือนเผด็จการอยู่ดี แต่ความจริงแล้วคอมมิวนิสต์กับเผด็จการนี่ต่างกันสิ้นเชิงเลยล่ะ Short Recap จะเล่าให้ฟังว่าเป็นยังไง

แนวคิดคอมมิวนิสต์

ระบบคอมมิวนิสต์หรือสังคมนิยม มีแนวคิดมาจาก “คาร์ล มาร์ก” (Karl Marx) บางคนเรียก “ลัทธิมาร์กซิสต์” เขามองว่าสังคมที่มีชนชั้นทำให้เกิดความขัดแย้ง เพราะนายทุนเอาเปรียบชนชั้นกรรมาชีพ ต้องกำจัดนายทุนออกไป เพื่อให้ชนชั้นกรรมาชีพอยู่รอด

ตามแนวคิดลัทธิคอมมิวนิสต์ที่สมบูรณ์แบบ (ย้ำว่าสมบูรณ์แบบ) ให้เรานึกถึง “ยูโธเปีย” โลกที่ทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่มีระบบชนชั้น ไม่มีความเชื่อทางศาสนา ไม่มีรัฐ ไม่มีรัฐบาล และไม่มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนบุคคล ก็คือไม่มีใครเป็นเจ้าของอะไรทั้งสิ้น ทำงานมาได้ต้องเอาของมากองรวมกันแล้วแบ่งกัน ไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ถ้าจะเจริญก็เจริญให้เท่ากันทุกคน 

ชนชั้นปกครองทั่วโลกจึงกลัวและเกลียดคอมมิวนิสต์ ไม่แปลกที่พวกเขาจะร่วมมือกันทำให้คำว่า “คอมมิวนิสต์” เป็นสิ่งที่น่ากลัวและผิดกฎหมาย และสำหรับประเทศที่อยากให้สังคมเป็นคอมมิวนิสต์ในอุดมคติจริง ๆ ก็ต้องใช้กำลังหรือปฏิวัติเท่านั้น! ซึ่งตามแนวคิดของคอมมิวนิสต์ กลุ่มที่ปฏิวัติมักจะเป็นตัวแทนของชาวนาและกรรมกรที่เคยถูกกดขี่จากนายทุน แต่ในความเป็นจริงกลับเป็นกลุ่มปัญญาชนหรือชนชั้นนำทางการเมือง พอปฏิวัติแล้วใครจะอยากยอมลงจากอำนาจ สุดท้ายก็กลายเป็นเผด็จการไปดื้อ ๆ

แนวคิดเผด็จการ

“เผด็จการเกิดขึ้นครั้งแรกสมัยอาณาจักรโรมันในยุคที่มีการปกครองระบบสาธารณรัฐ สืบเนื่องมาจากความคิดเห็นที่ว่า เมื่อไรบ้านเมืองไม่สงบสุข มีสงคราม จะมีการแต่งตั้งบุคคลใดบุคคลหนึ่งขึ้นเป็นผู้เผด็จการ เป็นเวลา 7 ปี เมื่อจัดการปัญหาเรียบร้อยแล้วจะต้องลาออกจากตำแหน่งและกลับไปปกครองแบบปกติ”

แนวคิดของระบอบเผด็จการคือ การที่อำนาจถูกรวมไว้ที่คน ๆ เดียว หรือคนกลุ่มหนึ่ง ผู้นำมีสิทธิ์ใช้อำนาจได้เต็มที่โดยไม่ต้องฟังเสียงคนส่วนใหญ่ ประชาชนไม่มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ มีการกำจัดกลุ่มที่มีความคิดเห็นตรงข้ามเพื่อรักษาสถานภาพของตนเอง ควบคุมสื่อสารมวลชล และยังอ้างว่าเป็นผู้ที่สามารถล่วงรู้ความต้องการของประชาชนได้อย่างถูกต้อง ดังนั้น “ผู้นำจึงอยู่ในฐานะที่ทำอะไรก็ไม่ผิด” ใครที่ขัดขวาง ไม่เห็นด้วยจะถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทำลายชาติ

เผด็จการ คอมมิวนิสต์

เห็นแล้วใช่ไหมว่าคอมมิวนิสต์กับเผด็จการนั้นต่างกัน คอมมิวนิสต์ที่แท้จริงจะเน้นความเท่าเทียมกัน แต่เผด็จการจะมีผู้นำกุมอำนาจไว้ที่ตัวเองคนเดียวนั่นเอง และที่แน่นอนที่สุดคือ “บนโลกนี้ไม่มีการปกครองแบบคอมมิวนิสต์”

ทำไมบนโลกนี้ไม่มีการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์

ลัทธิคอมมิวนิสต์เป็นอุดมการณ์ทางการเมืองที่เชื่อว่ามนุษย์จะมีความสุขอย่างเต็มที่ หากล้มเลิกสิ่งเหล่านี้

1. ล้มเลิกกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนบุคคล

2. ล้มเลิกระบบชนชั้น

3. ล้มเลิก “ฐานะ” ในสังคม

4. ล้มเลิกสถาบันทางสังคมที่เก่าแก่

5. ล้มเลิกความเชื่อทางศาสนาทุกศาสนา

6. ล้มเลิกการมีรัฐ รัฐบาล และพรมแดนรัฐ

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกข้อที่กล่าวมา มีบางข้อที่ไม่สามารถทำได้ เพราะว่า…

1. ความจำเป็นที่จะต้องมี “รัฐ” กับ “ชนชั้น” เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ของบางประเทศเป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูป อย่างรัสเซียมีเนื้อที่กว้างใหญ่ไพศาลมาก การจะปฏิรูปได้ต้องใช้ระยะเวลา จึงต้องมีรัฐเพื่อที่จะจัดการได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ดังนั้น มีชนชั้น มีรัฐ ก็เท่ากับว่าไม่ใช่คอมมิวนิสต์แล้ว

2. ความจำเป็นต้องมี “นักปฏิวัติ” หรือ “ผู้นำ” ซึ่งผู้นำต้องมีการศึกษาดี เข้าใจอุดมการณ์ของการเป็นนักปฏิวัติ แต่ชนชั้นกรรมาชีพส่วนใหญ่มีการศึกษาน้อย และยังไม่เข้าใจหลักการของมาร์กซิสต์เท่าที่ควร ไม่สนใจการเมืองเพราะต้องหาเช้ากินค่ำ ดังนั้น ผู้นำ (พรรคคอมมิวนิสต์) จึงต้องเป็นผู้ที่เหมาะสมจริง ๆ เพื่อเข้ามาทำการปฏิวัติในนามของชนชั้นกรรมาชีพเมื่อมนุษย์เริ่มมีอำนาจ สำหรับบางประเทศการผันตัวไปเป็นเผด็จการก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

3. การล้มเลิกกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนบุคคลเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะคงไม่มีใครอยากสูญเสียสิ่งที่ตัวเองมีให้กับคนอื่น “ฉันมีเยอะ เพราะฉันออกแรงหามาเยอะ เรื่องอะไรต้องมาแบ่งเท่ากัน”

4. ความเชื่อทางศาสนามีหลากหลาย แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่คนยึดถือมานาน ยากที่จะล้มเลิกความเชื่อทุกศาสนา

5. ทุนนิยม เสรีนิยม (อาจ)ทำให้ประเทศรุดหน้าได้เร็วกว่า เหตุผลหนึ่งคือเพื่อแย่งชิงการเป็นมหาอำนาจ

การปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ยังมีทั้งรูปแบบโซเวียต รูปแบบยุโรปและรูปแบบจีน ซึ่งเป็นรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป สุดท้ายแล้วการปกครองตามแนวระบอบคอมมิวนิสต์จึงต้องมีการปรับเปลี่ยน ไม่ใช่แนวคิดแบบมาร์กซิสต์แท้ เพราะสภาพบ้านเมืองไม่เอื้อต่อการเป็นคอมมิวนิสต์และยังต้องการผู้นำ เป็นต้น

SHARE

RELATED POSTS