“แพ้ขนแมว แต่อยากเลี้ยงแมว”
ทำยังไงให้อยู่กับน้องได้
- รู้ไหม ? คนที่บอกว่าแพ้ขนแมว จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้แพ้ขน แต่แพ้ฝุ่นที่ติดมากับขนและโปรตีนในน้ำลายตอนน้องเลียขนต่างหาก
- การทำความสะอาดตัวแมวและบ้านเป็นประจำจึงช่วยให้ภูมิแพ้ไม่กำเริบได้
- หากคุณเช็กแล้วว่าตัวเองไม่ได้แพ้ฝุ่น แต่แพ้โปรตีนในน้ำลายแมว การไม่เลี้ยงแมวเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ช่วยลดอาการแพ้ เพราะต่อให้เลี้ยงแมวที่ไม่มีขน คุณก็ยังแพ้อยู่ดี
เดินเข้ามาในบ้านก็ฟึดฟัด เริ่มคัดจมูก มือขยี้ตา รีบหาทิชชูมาอุดจมูก แบบนี้เขาเรียกว่าภูมิแพ้กำเริบ บ้านไหนเลี้ยงแมวก็จะบอกว่าแพ้ขนแมว แต่ใช่ขนแมวจริง ๆ เหรอที่ทำให้เราแพ้ ? เอางี้ ไปดูสาเหตุของการแพ้ที่แท้จริงกัน แล้วถ้าแพ้ขนแมว แต่อยากเลี้ยงแมวต้องทำยังไง
แพ้ขนแมวเกิดจากอะไร
สาเหตุหลัก ๆ ของคนที่แพ้ขนแมว ความจริงแล้วไม่ใช่ขนแมวที่ทำให้เกิดอาการแพ้ แต่อาจเป็น
- โปรตีนในน้ำลายแมวที่ชื่อว่า Fel d1 มีขนาดเล็กกว่าฝุ่นถึง 10 เท่า ซึ่งมีอยู่ในแมวตัวผู้มากกว่าแมวตัวเมีย โดยเฉพาะตัวผู้ที่ยังไม่ได้ตอน เมื่อแมวเลียตัวเอง Fel d1 จะเคลือบที่เส้นขน สามารถเกาะติดผิวหนังคนและเสื้อผ้าได้เป็นเวลานาน ไม่ว่าแมวจะขนยาว ขนสั้น หรือไม่มีขน ก็แพ้ได้
- สารก่อภูมิแพ้ที่ติดมากับขนแมว ขณะที่แมวเลียขนตัวเอง เป็นเหตุผลว่าทำไมคนที่แพ้ฝุ่นเมื่อได้สัมผัสกับขนแมวถึงมีอาการแพ้
อาการบอกว่าคุณแพ้ขนแมว
- จามบ่อย หรือจามติดกัน
- คัดจมูก มีน้ำมูกสีใส
- คันตามผิวหนัง ผื่นขึ้น
- คันตา เคืองตา ตาบวม ตาแดง น้ำตาไหล
วิธีลดอาการแพ้ขนแมว
สำหรับคนที่แพ้ไรฝุ่นและโปรตีนในน้ำลายที่ติดมากับขนแมว วิธีลดอาการแพ้สามารถทำได้ดังนี้
1. อาบน้ำแมว ช่วยล้างฝุ่นและโปรตีน Fel d1 ที่ติดมากับขนแมวได้ ไม่ควรอาบเกิน 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ถ้าอาบบ่อยเกินไปจะทำให้ผิวน้องระคายเคือง หากแพ้จนทนไม่ไหวจริง ๆ ให้ใช้ทิชชูเปียกเช็ดทำความสะอาดทุก 2 – 3 วัน
ดู วิธีอาบน้ำแมว | เจ้าเหมียวไม่ดิ้น มนุษย์ก็สิ้นรอยแผล
2. ดูดฝุ่นเป็นประจำ ส่วนตัวเลี้ยงแมวเยอะมาก ต้องดูดฝุ่นทุกวันถึงจะหายใจโล่ง ไม่แนะนำให้กวาดเพราะขนจะลอยในอากาศ แต่ถ้ามีน้อง 1 – 2 ตัว ควรดูดฝุ่นอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง รวมถึงสิ่งของที่ทำมาจากผ้า ของเล่น และที่นอนของน้องด้วย
3. จัดห้องให้โล่งมากที่สุด ให้อากาศถ่ายเท ทำความสะอาดง่าย ถ้ามีพรมแนะนำว่าให้เอาออก และควรเลือกของตกแต่งบ้านที่ทำจากวัสดุไม่ติดขน แต่ถ้ามีของตกแต่งที่เป็นผ้าอยู่แล้วอาจต้องทำความสะอาดบ่อย ๆ
4. แปรงขนบ่อย ๆ ลดการปลิวของขนที่จะไปติดตามเสื้อผ้า มุมห้อง และเฟอร์นิเจอร์
5. ใส่แมสก์ กันไรฝุ่นเข้าจมูก เมื่อต้องอยู่กับน้องแมว
6. ล้างมือหลังจับแมว เพราะหากเผลอเอามือมาจับหน้าผื่นอาจขึ้นและระคายเคืองตาได้
7. ใช้เครื่องกรองอากาศ ถ้าแพ้ขนแมวหนัก ๆ แนะนำว่าให้ซื้อ เลือกยี่ห้อที่ใช้แผ่นกรอง HEPA เพราะสามารถดักจับฝุ่น PM 5 เชื้อไวรัส แบคทีเรีย เส้นขนและสะเก็ดผิวหนังของแมวได้ แบรนด์ไหนกรองได้น้อยกว่า 0.00X ไมครอนจะยิ่งดี
8. เลือกอาหารแมวแบบ Grain–free (ปราศจากธัญพืช) หรือวัตถุดิบที่มีเนื้อสัตว์เป็นหลัก เพราะอาหารแมวมีผลต่อการผลิตโปรตีนในน้ำลายแมว ให้ทานบาร์ฟได้ยิ่งดี พวกนี้จะทำให้แมวสุขภาพดี ไม่แพ้อาหาร ขนไม่หลุดร่วง ทำให้การกระจายของ Fel d1 น้อยลง
9. ให้น้องทานอาหารเสริมบำรุงขน ช่วยให้ขนสวย ไม่หลุดร่วง ไม่ปลิวเกาะตามเสื้อผ้าจนก่อให้เกิดอาการแพ้
10. อย่าให้แมวอยู่ในห้องนอน หากผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ได้รับอากาศบริสุทธิ์ช่วงกลางคืนขณะหลับ (8-10 ชม.) จะทำให้ร่างกายต้านสารก่อภูมิแพ้สูงขึ้นในเวลากลางวัน
หากเช็กแล้วว่าตัวเองไม่ได้แพ้ฝุ่น แต่แพ้โปรตีนในน้ำลายแมว การไม่เลี้ยงแมวเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ช่วยลดอาการแพ้ เพราะต่อให้เลี้ยงแมวที่ไม่มีขน คุณก็ยังแพ้อยู่ดี แต่ถ้าอยากเลี้ยงมาก ๆ ก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี ไม่ควรกินยาแก้แพ้บ่อย เน้นป้องกันตัวเองด้วยการใส่แมสก์และล้างมือหลังเล่นกับน้องทุกครั้งจะดีกว่า