10 เทรนด์ธุรกิจมาแรงปี 2021
ตอบโจทย์คนอยากทำธุรกิจส่วนตัว
- อยากทำธุรกิจส่วนตัว แต่กลัวเจ๊ง คงเป็นปัญหาของใครหลาย ๆ คนใช่ไหมล่ะ ยิ่งถ้าเทรนด์ธุรกิจเปลี่ยนแปลงเหมือนน้ำกระเพื่อมไม่หยุดแบบนี้ ยิ่งยากที่จะเริ่มต้น
- จนหลายคนตั้งคำถามว่าจะทำธุรกิจอะไรดีที่มั่นคง แล้วเทรนด์ธุรกิจไหนที่กำลังมาแรงพร้อมที่จะคว้าโอกาสได้บ้าง
- โดยหนึ่งในธุรกิจมาแรงปี 2021 คือ ขายของออนไลน์ ที่ลงทุนน้อย ทำคู่กับงานประจำได้ แถมสถิติการชอปปิ้งออนไลน์ของคนไทยที่สูงทะลุเพดาน ก็ส่งผลให้คนอยากทำธุรกิจลงมาเล่นในตลาดนี้เยอะขึ้น
ถามใคร ๆ ก็อยากทำธุรกิจส่วนตัวกันทั้งนั้น เพราะมันทำเงินให้เราเยอะกว่างานประจำ และไม่ต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้าเพื่อมาติดเกาะ BTS ที่สุดท้ายก็ไปสายเหมือนเดิม อีกอย่างคือไม่ต้องนั่งหลังขดหลังแข็งถึง 8 ชั่วโมงจน Office Syndrome ถามหา เป็นไปได้ก็อยากทำธุรกิจส่วนตัวให้มันจบ ๆ ไป
แต่ปัญหามันอยู่ที่ทุนมีจำกัด เลยทำให้คนที่เพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจไม่รู้ว่าต้องทำธุรกิจอะไรถึงจะไปรอด เพราะเทรนด์ธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ จนไม่รู้ว่าธุรกิจที่จะสร้างขึ้นจะมั่นคงยาวนานขนาดไหน ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือเงินที่เอามาลงทุนคือเงินเก็บทั้งชีวิต ถ้าเจ๊งก็คือหมดตัว บางคนจึงผันไปทำงานประจำและไม่หันกลับมาทำธุรกิจส่วนตัวอีกเลย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังมีคนอยากทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ดี และเทรนด์ธุรกิจที่กำลังมาแรง ซึ่งคาดว่าในปี 2021 จะยังรุ่งและร่วงได้ยากก็คงเป็นธุรกิจเหล่านี้
1. ขายของออนไลน์
เห็นพ่อค้า – แม่ค้าขายของออนไลน์เต็มไปหมด ยุคนี้ถ้าออฟไลน์ มีแต่หน้าร้านอย่างเดียวก็คงยาก เพราะผู้คนหันมาชอปออนไลน์กันมากขึ้น การเปลี่ยน Platform มาเป็นการขายออนไลน์จึงเจาะกลุ่มลูกค้าได้กว้างกว่า อีกอย่างคือไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านก็ได้ ถือว่าลดต้นทุนลงไปได้อีกเยอะ
สิ่งแรกที่คนที่อยากทำธุรกิจขายของออนไลน์ต้องคิดก่อนคือ “จะขายสินค้าอะไร” แนะนำว่าให้เป็นสินค้าที่เราชอบ เราอิน หรือบ่งบอกความเป็นตัวเราก็ได้ เช่น เป็นคนรักสวยรักงาม ก็อาจจะขายเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ หรือ Skincare ฯลฯ เป็นคนชอบของเก่าแนววินเทจ หายาก ก็ขายเลย เพราะสินค้าพวกนี้คู่แข่งน้อย กำไรงาม หรืออาจจะส่องเทรนด์ก่อนว่าตอนนี้เขาฮิตอะไร แล้วหาสินค้าที่ตอบโจทย์พวกเขามาขายก็ได้
แต่ไม่ว่ายังไง การทำธุรกิจส่วนตัวย่อมต้องมีการวางแผน เราต้องคิดด้วยว่าจะลงทุนเท่าไร รวมค่าแพ็กสินค้า ค่าจัดส่ง ค่ายิงโฆษณาแล้วหรือยัง เพราะฉะนั้นต้องรอบคอบสุด ๆ บริหารเงินให้ดี ๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปหาเงินจากตรงอื่นมาโปะ จากที่หาเงินเพิ่ม อาจกลายเป็นติดลบได้
2. บล็อกเกอร์ (Blogger)
จริง ๆ บล็อกเกอร์เป็นอาชีพที่คนส่วนใหญ่คิดว่าต้องเป็นคนเด่นคนดังจึงจะสามารถทำได้ ไม่อย่างนั้นใครจะมาดู ซึ่งอันที่จริงกว่าพวกเขาจะดังก็ไม่ได้ดังมาก่อน แต่เพราะลองทำเลยมีคนดูและเป็นที่รู้จัก สำหรับคนที่อยากทำธุรกิจส่วนตัว มีความ Creative หน่อย ชอบความสนุกสนาน เฮฮา คุณเหมาะกับการเป็นบล็อกเกอร์นะ เลือกเอาว่าถนัดสายไหน มีทั้ง สาย Beauty, Lifestyle, ท่องเที่ยว, สายกิน, สายตลก, สายเทคโนโลยี, สายแม่และเด็ก (นึกภาพเพจ Little Monster) ฯลฯ
สิ่งที่สำคัญของการเป็นบล็อกเกอร์คือ “คอนเทนต์” ความแปลกใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ ถือเป็นโอกาสที่จะทำให้เราเป็นบล็อกเกอร์ที่มีคนรู้จัก แรก ๆ อาจจะต้องสม่ำเสมอในการสร้างคอนเทนต์สักหน่อย พอทำไปได้สักพัก คนเริ่มให้ความสนใจ เดี๋ยวก็มี Sponsor ติดต่อเข้ามา
อีกอย่างคือต้องเรียนรู้เรื่องการขายด้วย ว่าจะขายสินค้ายังไงโดยไม่ให้คนดูรู้สึกถูกยัดเยียดให้ซื้อ หรืออวยมากจนคนดูรำคาญ และต้องมีการพัฒนาเพื่อให้คนติดตามอยู่เรื่อย ๆ เสพคอนเทนต์ของเราให้เป็น Lifestyle ของเขาไปเลยยิ่งดี หากประสบความสำเร็จในด้านนี้แล้ว มีเงินไปทำธุรกิจส่วนตัวอื่น ๆ เพิ่มก็ยังได้
3. แฟรนไชส์เครื่องดื่มและอาหาร
สินค้าที่คนต้องกินต้องดื่มไม่มีทางเจ๊งได้ง่าย ๆ ยิ่งถ้าเป็นแฟรนไชส์ที่คนรู้จักเยอะอย่างไก่ห้าดาว ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว ชานมไข่มุก ยิ่งไม่ต้องกลัวว่าจะเจ๊งเลย เพราะยังไงคนก็กิน หรือถ้าจะเจ๊งคงเป็นทำเลที่ไม่ดี
ดังนั้น คนที่อยากทำธุรกิจส่วนตัว แต่ไม่รู้ว่าจะทำธุรกิจอะไรดี ธุรกิจแฟรนไชส์ก็เป็นทางเลือกหนึ่ง ซึ่งเราไม่ต้องล้มลุกคลุกคลานใหม่ ถ้าลูกค้ารู้จักแบรนด์นี้ กินแล้วอร่อย ยังไงก็มากินต่อเรื่อย ๆ เพียงแค่เรามีเงินลงทุนซื้อสูตร ซื้อระบบการจัดการ ทางเจ้าของแฟรนไชส์ก็มีบริการส่งวัตถุดิบและอุปกรณ์ให้ ทำตามสูตรของร้าน แถมแฟรนไชส์สมัยนี้ก็ถูก มีเงินไม่ถึงหมื่นก็สามารถเปิดกิจการของตัวเองได้แล้ว ผ่อนกำลังกายเราได้อีกด้วย แค่จ้างพนักงานมาดูร้านให้เรา ไม่ต้องลงมือทำเอง เพียงเท่านี้ก็มีธุรกิจส่วนตัวเป็นของตัวเองได้แล้ว
4. ขายภาพออนไลน์
ใครอยากทำธุรกิจส่วนตัวแล้วมีพรสวรรค์ด้านการถ่ายรูป ธุรกิจ “ขายภาพออนไลน์” น่าจะเหมาะกับคุณ เพราะแทบจะไม่ต้องลงทุนอะไรเลยนอกจากกล้องและฮาร์ดดิสก์ที่เก็บไฟล์รูปได้เยอะ ๆ ที่เหลือมาจากฝีมือและความพยายามล้วน ๆ
ก่อนที่จะนำภาพไปขายบางเว็บไซต์มีการสอบเป็นช่างภาพ โดยการส่งภาพไปที่เว็บไซต์ขายภาพออนไลน์ เช่น Shutterstock, iStockphoto แต่ถ้าไม่อยากสอบช่างภาพก็ส่งไปที่เว็บ Dreamstime, Fotolia, 123RF เหมาะกับมือใหม่ที่อยากเริ่มต้นธุรกิจ เผลอ ๆ ทำควบคู่กับงานประจำได้ด้วย มีรายได้ 2 ทาง ถ้าอยากรู้เรื่องการขายภาพออนไลน์ สามารถเข้าไปอ่านได้ที่ ‘ขายภาพออนไลน์’ งานที่ 2 ของคนรักการถ่ายรูป
ใครที่ไม่รู้ว่าทำธุรกิจส่วนตัวอะไรดี มีทุนน้อย แนะนำธุรกิจนี้ เพราะถือว่าใช้ทุนน้อยที่สุด แต่ก็ต้องพยายามถ่ายและตกแต่งภาพให้ออกมาดีสุด ๆ เช่นกัน (ความจริงอาจไม่ได้ยากอย่างที่ใคร ๆ พูดไว้ เชื่อว่าทำได้ มันก็ได้)
5. Dropshipper
คนที่อยากทำธุรกิจส่วนตัว ชอบติดต่อสื่อสารกับลูกค้า แต่ไม่อยากลงทุนหนักกับการสต็อกของ Dropshipper อาจจะเหมาะกับคุณ เป็นธุรกิจที่เหมือนกับการเป็นนายหน้า โดยเราติดต่อกับเจ้าของแบรนด์ และต้องทำการตลาดโปรโมตสินค้าเพื่อให้ได้ฐานลูกค้ามาก่อน แล้วแจ้งยอดกับเจ้าของแบรนด์ให้เขาส่งสินค้าให้ลูกค้าโดยตรง (ไม่ต้องซื้อสินค้ามาตุนไว้กับตัว)
ถ้าจะให้ดีควรจะส่งสินค้าในนามเรา เพื่อให้ชื่อผู้ขายกับผู้จัดส่งตรงกัน ไม่ให้ลูกค้าเกิดความเข้าใจผิดว่า เอ๊ะ! ฉันซื้อกับคนนี้ ทำไมเป็นชื่ออีกคนส่งให้ ซึ่งมีโอกาสที่ลูกค้าจะคิดว่าถูกหลอก อีกอย่างคือป้องกันการถูกแย่งลูกค้า ถ้าทางเจ้าของแบรนด์ให้ราคาถูกกว่า ลูกค้าดันเปลี่ยนไปซื้อกับเจ้าของแบรนด์ ก็ถือว่าที่ทำการตลาดมาทั้งหมดคือเฟล ส่วนเรื่องรายได้ก็ต้องตกลงกับเจ้าของแบรนด์ว่าจะให้เปอร์เซ็นต์เท่าไร
ถ้าเห็นว่าตัวเองสามารถทำธุรกิจที่ติดต่อ สื่อสาร จัดการผู้คนได้ Dropshipper ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้เรามีธุรกิจส่วนตัว แถมลงทุนน้อย ถ้าอยากรู้รายละเอียดเพิ่ม สามารถเข้าไปอ่านได้ที่ “การทำ Dropship จุดเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ ของคนไม่อยากลงทุน”
6. สินค้าอนามัยและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
ช่วงที่ Covid-19 กำลังระบาด ใครที่อยากทำธุรกิจส่วนตัว การเลือกมาทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอนามัยและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดก็อาจจะรุ่งโรจน์ได้ในช่วงนี้ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะยังเติบโตไปได้อีกนาน เพราะคนยังต้องใส่หน้ากากอนามัย ใช้เจลล้างมือแอลกอฮอล์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคที่ใช้ทำความสะอาดบ้าน ถ้าเราหันมาจับตลาดตรงนี้ได้ก็ถือว่าค่อนข้างเวิร์กเลย เพราะสินค้าจำพวกนี้กำลังขาดแคลนอย่างมาก
แต่เมื่อเห็นว่าเป็นโอกาสแล้ว ก็อย่าลืมตะหนักว่าลูกค้าทุกคนอยากได้ของดี ๆ ป้องกันไวรัสได้ ซึ่งเราจะต้องซื่อสัตย์กับลูกค้า เพราะตอนนี้เจอแต่คนหลอกขายของไม่ดี และหวังค้ากำไรเกินควรในยามที่ทุกคนกำลังลำบาก เพราะฉะนั้น ถ้าคิดจะทำธุรกิจส่วนตัวแล้ว ความน่าเชื่อถือต้องมาก่อนเสมอ
7. ธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่ (Food Delivery)
สำหรับใครที่อยากทำธุรกิจส่วนตัวประเภทอาหาร จะทำอาหารเองแล้วเข้าระบบแอป Food Delivery ก็ถือว่าดีเลย เพราะช่วงนี้กำลังบูมมาก ต่อให้คนกลับไปทำงานที่ออฟฟิศแล้ว พวกเขาก็จะยังใช้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่อยู่ดี
หรือถ้าไม่อยากทำอาหาร จะไปขับ Grab, foodpanda, GET เเละ Robinhood ขนส่งอาหารก็ยังได้ แว่ว ๆ มาว่ารายได้ไม่น้อยเลยถ้าตั้งใจทำและไม่เกี่ยงรับออเดอร์
ดู ๆ แล้วมันก็อาจจะไม่เชิงธุรกิจส่วนตัวเสียทีเดียว แต่ถือว่าเราก็ยังเป็นนายตัวเอง ไม่ต้องมีหัวหน้ามาสั่งงาน จะเริ่มหรือเลิกงานตอนไหนก็ได้ ถือว่าเป็นอาชีพที่ให้อิสระอยู่นะ
8. ธุรกิจด้านสุขภาพและความงาม
ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยากทำธุรกิจส่วนตัว เพราะหลัง ๆ มานี้คนเริ่มหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพมากขึ้น อะไรก็ตามที่กินแล้วไม่อ้วน ไม่แก่ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย คนก็มักจะให้ความสนใจพิเศษ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ได้หลับหูหลับตาซื้อง่าย ๆ เพราะเรื่องคุณภาพเป็นสิ่งที่สำคัญมากกับธุรกิจประเภทนี้ ต่อให้ราคาของมันจะสูงแค่ไหน แต่ถ้าคุ้มค่าและเห็นผล ยังไงคนก็ซื้อ
ยกตัวอย่างสินค้าประเภทนี้ ได้แก่ อาหารคลีน, ขนมหวานทานแล้วไม่อ้วน, อาหารเสริม เป็นต้น
9. OnlyFans Creator
อีกหนึ่งธุรกิจที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก และเรียกได้ว่ามาแรงในปีนี้คือ การเป็น OnlyFans Creator แพลตฟอร์มด้านวิดีโอยักษ์ใหญ่จากต่างประเทศ เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่เปิดกว้างให้ทุกเนื้อหาของเหล่าครีเอเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการออกกำลังกาย เรื่องของการทำอาหาร เรื่องแม้ว่าจะเป็นเรื่องลับ ๆ บนเตียง ก็สามารถหยิบยกมาเป็นธรุกิจที่สามารถสร้างรายได้อย่างมหาศาลผ่านแพลตฟอร์มนี้เช่นกัน โดยในประเทศไทยเองก็มีคนประกอบอาชีพนี้ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว เพราะเป็นอาชีพที่เพียงเราชื่นชอบการอยู่หน้ากล้อง และมีสกิลตัดต่อติดตัวไว้ก็สามารถเริ่มสร้างรายได้ให้กับตัวเองแล้ว
ซึ่งรายได้หลักของเหล่าครีเอเตอร์จาก OnlyFans นั้นก็มาจากการจ่ายเงินเพื่อเข้าชมสื่อ หรือโพสต์ต่าง ๆ ที่เจ้าของช่องเป็นคนอัปโหลดลงไปบนเว็บไซต์ โดยเป็นการจ่ายในรูปแบบ Subscribe per month ที่ต้องจ่ายเงินทุกเดือนถึงมีสิทธิ์ที่จะเข้าชม และฝั่งครีเอเตอร์เองก็มีหน้าที่มอบความบันเทิงผ่านสื่อนั้น ๆ ให้แก่ Subscriber ของตัวเอง ยิ่งทำคอนเทนต์ออกมาดีมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้คนเข้าชม และ Subscribe ช่องเรามากขึ้นเท่านั้น แล้วนั่นก็หมายความว่า เม็ดเงินที่จะเข้ากระเป๋าเราก็มากขึ้นด้วยเช่นกัน
10. NFT Gamer
อีกหนึ่งธุรกิจที่เริ่มมีกระแสเมื่อไม่นานมานี้คือเรื่องของ NFT หรือ Non-Fungible Token ที่เป็นการขายผลงานศิลปะหลากหลายรูปแบบบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ อย่าง Marketplace ซึ่งก็มีหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นศิลปิน หรือคนทั่วไปที่เริ่มหันมาทำธุรกิจนี้เป็นอาชีพเสริม และด้วยความที่ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีเองก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง จนเกิดการนำเอง Crypto Art หรือ NFT มาทำในรูปแบบเกมที่สามารถเล่นเพื่อหาเงินได้
ซึ่งตัวเกม NFT เองก็สามารถสร้างรายได้ในระดับที่น่าพึงพอใจให้แก่ผู้ที่เล่นอยู่เช่นกัน เพราะในรูปแบบนี้จะเป็นแบ่งเป็นผู้เล่น และนักลงทุน ซึ่งในบางเกมที่เราจำเป็นต้องเสียเงินเอง เราก็จะกลายเป็นนักลงทุนไปในตัว แต่สำหรับใครที่เป็นสายฟรีนั้น ก็ต้องเน้นความขยันเพื่อดึงดูดให้มีนักลงทุนมาซื้อตัวละคร NFT ให้เราในเกม เพื่อให้เราสามารถเล่นเกมและนำเอาไม่ว่าจะเป็น Item ตัวละคร หรือสิ่งอื่นใด มาลงขายต่อในตลาดของ NFT ได้ เรียกได้ว่าธุรกิจนี้เองก็เป็นอะไรที่สามารถสร้างร้ายได้ และความเพลิดเพลินไปพร้อม ๆ กัน แต่อย่างไรก็ตามเกมนี้ก็ยังเน้นไปที่การลงทุน ซึ่งก็มีความเสี่ยงที่ค่อนข้างแปรปรวน ดังนั้นแล้วใครที่กำลังจะลองลงเล่นในธุรกิจสายนี้ Short Recap ก็อยากจะแนะนำให้ศึกษาความเสี่ยงก่อนการลงทุน
จากที่อ่านมาทั้งหมด รู้หรือยังว่าคุณเหมาะกับธุรกิจส่วนตัวแบบไหน เอาเป็นว่า “เลือกทำสิ่งที่ชอบ และสิ่งที่ใช่ แล้วคุณจะมีความสุข” แต่ก่อนที่จะทำธุรกิจส่วนตัว เราอยากให้คุณลองถามตัวเองก่อนว่าคุณทำธุรกิจส่วนตัวไปเพื่ออะไร ?
ถ้าคุณตอบได้ชัดเจน คุณจะทุ่มเทกับมันได้อย่างเต็มที่ เพื่อรอวันที่มันสำเร็จ แต่ถ้าไม่ชัด แค่อยากลองเฉย ๆ คุณก็จะตั้งใจไม่ต่อเนื่องและกลายเป็นคนจับจดไปในที่สุด แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เราแนะนำว่าให้คุณทำอะไรก็ได้ที่ได้เงิน จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดกับความล้มเหลวที่คุณไม่รู้ว่าจะยอมรับได้ไหม