Search
Close this search box.
cover web

รู้จักเทรนด์แฟชั่น Y2K คืออะไร? ทำไมถึงฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง

  • Y2K ย่อมาจาก Year, 2 Kilo อ่านได้ว่า ‘Year 2000’ หรือ ปี 2000 เกิดขึ้นจากวิกฤตการล่มสลายของระบบไอทีในปี ค.ศ. 1999 ที่นักวิชาการคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้น

  • แฟชั่น Y2K คือเทรนด์การแต่งตัวของวัยรุ่นในยุค 2000’s ยุคแห่งการทดลองทางแฟชั่นของหนุ่มสาว เต็มไปด้วยสไตล์ใหม่ ๆ และการ Mix & Match เสื้อผ้าแบบเก่าเข้ากับสีเสื้อสุดจี๊ด พร้อมเครื่องประดับแวววาว นับเป็นสีสันของวงการแฟชั่น

  • แฟชั่น Y2K กลับมาโดดเด่นอีกครั้ง จากอิทธิพลของเหล่าดาราและเซเลบริตี้ จุดประกายให้ชาวเจนซี (Gen Z) เริ่มหันมาแต่งตัวสไตล์นี้มากขึ้น

  • การกลับมาของแฟชั่น Y2K คือการปลุกกระแส ‘แฟชั่นหมุนเวียน’ (Circular Fashion) ผู้คนนิยมซื้อเสื้อผ้ามือสอง และเริ่มหยิบชุดเก่ากลับมาใส่ใหม่พร้อมค่านิยมที่เปลี่ยนไป หลายแบรนด์ผลิตเสื้อผ้าหลากไซซ์มากขึ้น ทำให้ไม่ว่าใครก็สนุกกับการแต่งตัวได้

เทรนด์ฮิตติดลมบนที่ยังคงเป็นกระแสมาแรงในช่วงนี้คงหนีไม่พ้น ‘แฟชั่น Y2K’ เมื่อทุกคนหันมาใส่เสื้อยืดรัวติ้วตัวเล็กจิ๋ว สวมกางเกงยีนส์เอวต่ำ พร้อมโพสท่าถ่ายรูปแลบลิ้นชูสองนิ้วกันเต็มบ้านเต็มเมือง ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็ยังได้ยินคำว่า Y2K จนกลายเป็นศัพท์ใหม่ที่ใช้อย่างแพร่หลาย ทั้งที่ความจริงแล้ว… แฟชั่น Y2K คือเทรนด์การแต่งตัวของวัยรุ่นเมื่อ 20 ปีก่อน! แล้วอะไรทำให้แฟชั่นเก่าฟื้นคืนชีพกลับมาได้? มาร่วมย้อนเวลาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลย!

Y2K คืออะไร?

วัยรุ่นในยุคเปลี่ยนผ่านศตวรรษคงคุ้นเคยกับคำว่า Y2K กันดี จากปรากฏการณ์ ‘บั๊กมิลเลนเนียม’ (Millennium Bug) ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีออกมาเตือนภัยพร้อมตั้งข้อสันนิษฐานว่า เมื่อสิ้นสุดปี ค.ศ. 1999 เตรียมเข้าสู่ ค.ศ. 2000 บั๊กในระบบคอมพิวเตอร์แบบเดิมที่อ่านค่าตัวเลขได้เพียง 2 หลักท้าย (0-99) จะทำให้ระบบคอมพิวเตอร์อ่านค่าเลขเป็น 00 ส่งผลให้การทำงานรวนไปหมด ทั้งการคำนวณ การเรียงลำดับข้อมูล การชำระหนี้ หรือข้อมูลที่เกี่ยวกับระยะเวลา เรียกได้ว่าระบบคอมพิวเตอร์ทั้งโลกล่มสลาย กระทบให้ไม่สามารถทำงานหรือดำเนินธุรกิจได้เลย คำว่า Y2K (Year 2000) จึงถือกำเนิดขึ้น เพื่อใช้เรียกแทนเหตุการณ์สำคัญที่กำลังได้รับความสนใจในขณะนั้น หลังจากที่เหล่าวิศวกรระดมพลแก้ไข โลกก็ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ หลังจากนั้นคำว่า Y2K ก็ถูกนำมาใช้เรียกเทรนด์การแต่งตัวของหนุ่มสาวในยุคปลาย ค.ศ. 1999 จนถึง ค.ศ. 2000 แทน

แฟชั่น Y2K คือ สีสัน ความสนุกสนาน และอิสระ

ช่วงปี 2000’s ถือเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากยุคอนาล็อกเข้าสู่ยุคดิจิทัล มีการริเริ่มอะไรใหม่ ๆ และพูดถึงหนทางสู่อนาคตที่จะเปลี่ยนแปลงไป ทำให้หนุ่มสาวในยุคนั้นกล้าที่จะทดลองแต่งตัว Mix & Match เสื้อผ้าอย่างหลากหลาย กลายเป็นสไตล์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น และค่อนข้างล้ำสมัย ด้วยการสวมเครื่องประดับแวววาว เสื้อผ้าสีเมทัลลิก หรือรองเท้าบูธคู่โต เข้ากับการแต่งตัวแบบเก่าอย่างกางเกงยีนส์ขาม้า หรือเสื้อยืดตัวจิ๋ว จนเกิดเป็นแฟชั่นการแต่งตัวที่มีอิสระ สามารถหยิบนั่นมาผสมนี่ได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกหรือผิด นับเป็นช่วงเวลาแห่งการทดลองทางแฟชั่นที่มีสีสันที่สุดยุคหนึ่งเลยทีเดียว

แฟชั่น Y2K คือเทรนด์ที่ไม่เคยจางหาย

ในวงการแฟชั่น มักจะพูดถึงการกลับมาของเทรนด์เก่า ๆ อยู่เสมอ จนกระทั่งมีคำเรียกว่า ‘กฎแฟชั่น 20 ปี’ (20-Year Rule) เลยทีเดียว นั่นเป็นเพราะว่า เมื่อถึงจุดหนึ่งผู้คนจะเริ่มโหยหาอดีต และหยิบเสื้อผ้าที่เคยเอาต์มาสวมใส่ใหม่ เช่นเดียวกับ แฟชั่น Y2K ที่กลับมาโดดเด่นอีกครั้ง หลังครบวาระ 20 ปีแบบพอดิบพอดี

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า สาเหตุหลักที่ทำให้แฟชั่น Y2K กลับมาได้รับความนิยมแบบถล่มทลายเป็นเพราะอิทธิพลจากดารา และเหล่าเซเลบริตี้บนอินเทอร์เน็ตที่เริ่มจุดประกาย จนชาวเจน Z (Generation Z) หันมาแต่งตัวตามทั่วบ้านทั่วเมือง เมื่อรวมเข้ากับแนวคิด ‘การยอมรับความหลากหลาย’ (Inclusivity) ในปัจจุบัน แฟชั่น Y2K ที่มีอิสระและเปิดกว้าง จึงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่เป็นอย่างดี

ไม่ใช่แค่แฟชั่น! ‘Y2K’ คือการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย

ในอดีต แฟชั่น Y2K ถูกตั้งคำถามว่าเป็นเสื้อผ้าที่ผลิตมาเพื่อคนรูปร่างดีเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นกางเกงยีนส์เอวลอย หรือเสื้อยืดตัวจิ๋วก็ดูไม่เหมาะที่จะให้คนเจ้าเนื้อใส่เท่าไหร่นัก โดยเฉพาะในยุคที่สังคมยังไม่เปิดกว้าง สาว ๆ ที่ใส่เสื้อใหญ่เกินกว่าไซซ์ S แทบจะไม่มีโอกาสได้ลองสัมผัสการแต่งตัวสไตล์นี้เลย นอกจากนี้ วัยรุ่นในยุค 2000’s ยังเกิดค่านิยม ‘การคลั่งผอม’ จากสื่อที่หล่อหลอมว่าต้องมีหุ่นดี รูปร่างเพรียวเท่านั้นถึงจะใส่เสื้อผ้าสวย

เมื่อแฟชั่น Y2K กลับมาอีกครั้งในวันที่โลกเปลี่ยนแปลงไป ทัศนคติที่มีต่อเสื้อผ้าเหล่านี้จึงไม่ได้จำกัดเฉพาะคนที่ผอมเพรียวเท่านั้น จากแนวคิดในการสนับสนุนความหลากหลายที่เป็นกระแสในปัจจุบัน ทำให้แบรนด์เสื้อผ้าเริ่มหันมาผลิตเสื้อผ้าไซซ์ที่ครอบคลุมรูปร่างทุกแบบมากขึ้น ลบค่านิยมเก่า ๆ ที่ต้องผอมเท่านั้นถึงจะสนุกกับแฟชั่น Y2K ได้

นอกจากนี้กระแสเรื่อง ‘ความยั่งยืน’ ยังส่งผลให้แฟชั่น Y2K กลายเป็นแฟชั่นหมุนเวียน (Circular Fashion) ที่ผู้คนเริ่มหันมาซื้อเสื้อผ้ามือสอง และหยิบชุดเก่ากลับมาใส่ใหม่ โดยมีรายงานจาก Depop เว็บไซต์ขายของมือสองในสหรัฐฯ ว่า มีการค้นหาคำว่า Y2K จากผู้ใช้เว็บไซต์ช่วงอายุ 16-24 ปีกว่า 1 ใน 3 เลยทีเดียว

ได้รู้เรื่องราวแฟชั่น Y2K ที่มีทั้งเรื่องราวและกลายมาเป็นเทรนด์สุดฮิตจากยุคเก่าสู่ปัจจุบัน ที่ไม่ว่าใครก็สนุกไปกับการแต่งตัวได้ เป็นสไตล์ที่แสดงถึงตัวตนและอิสระ แถมยังชวนให้หวนถึงวันเวลาเก่า ๆ แบบนี้…คงต้องกลับห้องไปรื้อเสื้อยืดตัวจิ๋วกลับมาใส่บ้างแล้วล่ะ

SHARE

RELATED POSTS

ต่างถิ่นต่างแดน วัฒนธรรมการดื่มกาแฟก็แตกต่างกัน สำหรับบางประเทศก็ดื่มกาแฟได้แบบตลอดวันอย่างน่าประหลาด เราจะพาไปรู้จักวัฒนธรรมการดื่มกาแฟของแต่ละประเทศกัน…