ชวนรู้จัก ‘ซาโตริ’ คนเจนใหม่เหนื่อยแข่งขัน ขอแค่ใช้ชีวิตเรียบง่ายก็พอ
- ซาโตริ หรือเจเนอเรชันหนึ่งตามการแบ่งเจนของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เกิดหลังจากปี 1997
- ชาวซาโตริเกิดในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวจึงมีความสิ้นหวังต่ออนาคต ทำให้ส่วนใหญ่เลือกที่จะใช้ชีวิตด้วยความเรียบง่าย ไม่คาดหวังต่อชื่อเสียง เงินทอง
- แต่ชาวซาโตริให้ความสำคัญกับสิ่งต่าง ๆ ในสังคมที่จะช่วยให้ชีวิตพวกเขาเรียบง่ายยิ่งขึ้น เช่น ความเท่าเทียมทางเพศ ความหลากหลายทางเพศ ความคุ้มค่า การเปลี่ยนแปลงทางสังคม และให้ความสำคัญกับความรักน้อยลง
ท่ามกลางกระแสสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปไม่หยุดหย่อน ผู้คนทั่วโลกต่างดิ้นรนปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ อย่างในประเทศญี่ปุ่นเองก็มีการเกิดวิถีชีวิตแบบใหม่ที่เรียกว่า ‘ซาโตริ’ ขึ้นมา ซึ่งเป็นหนึ่งในเจเนอเรชันที่แบ่งตามแบบญี่ปุ่น ที่จะอิงตามเศรษฐกิจของประเทศในช่วงนั้น ๆ และมีความละเอียดมากกว่าการแบ่งแบบ Gen X, Gen Y และ Gen Z ที่เราคุ้นเคย
วันนี้ Short Recap เลยจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันว่าแท้จริงแล้วเจเนอเรชันซาโตริ มีที่มาอย่างไร ทำไมผู้คนจึงชอบชีวิตแบบเรียบง่าย และไม่คาดหวังกับอะไรในอนาคต
รู้ซึ้งถึงที่มา ‘ซาโตริ’
ซาโตริ เจเนอเรชัน หรือ さとり世代 คือคำที่ใช้สำหรับการแบ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่ของประเทศญี่ปุ่นซึ่งเกิดหลังจากปี ค.ศ. 1997 ที่มักมีลักษณะตื่นรู้ต่อการใช้ชีวิต และพึงพอใจกับการใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ มากกว่าที่จะคาดหวังกับสิ่งต่าง ๆ ในอนาคต จึงกลายเป็นที่มาของคำเรียกกลุ่มคนเหล่านี้ว่า ‘ซาโตริ’ ซึ่งเป็นคำศัพท์ในทางศาสนาหมายถึง ‘ผู้ตื่นรู้’
ซาโตริมีการเริ่มใช้ในเชิงเปรียบเทียบครั้งแรกในปี 2010 บนเว็บบอร์ดชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น จากนั้นก็เริ่มปรากฏแพร่หลาย จนในปี 2013 คำว่า ‘ซาโตริ’ กลายเป็นคำยอดฮิตติดอันดับ
ทำไมต้องใช้ชีวิตแบบซาโตริ
เจเนอเรชันซาโตริเกิดจากปรับตัวรับกับสถานการณ์ฟองสบู่แตก ที่เศรษฐกิจในประเทศเกิดการชะลอตัว จนผู้คนรู้สึกสิ้นหวังกับการมองหาโอกาสในอนาคต และมองว่าการเติบโต มีชื่อเสียงและเงินทอง ไม่ใช่หัวใจหลักของชีวิต แต่หันมาให้ความสนใจกับความสุขทางกายและใจมากยิ่งขึ้น
คนเจนซาโตริมองหาสมดุลให้กับชีวิต
ชาวซาโตริส่วนใหญ่เลือกที่จะพักผ่อนอยู่บ้านในเวลาว่าง และไม่ให้ความสำคัญกับการดื่มสังสรรค์หลังเลิกงาน
ชาวซาโตริไม่ชอบสูญเสียพลังงานโดยไม่จำเป็น
ชาวซาโตริมักจะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่ไร้จุดหมาย โดยเฉพาะคนที่มีมุมมองแตกต่างออกไป เพราะมองว่าจะทำให้เสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์
เจเนอเรชันซาโตริไม่ชอบถูกการคาดหวัง
ชาวซาโตริมีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงการคาดหวังสูง ๆ และเลือกที่จะสนุกไปกับการใช้ชีวิต ไม่ปล่อยให้ตนเองรู้สึกโลภ หรืออิจฉา มากกว่าการกดดันตัวเองให้เข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ หรือเดินตามเส้นทางที่พ่อแม่ปูไว้ให้
ชาวซาโตริชื่นชอบความสบายใจมากกว่าสิ่งแปลกใหม่
จากการศึกษาเผยว่าชาวซาโตริมีความต้องการเดินทางไปต่างประเทศน้อยกว่าการอยู่ในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากพวกเขาชอบที่จะอยู่รายล้อมด้วยผู้คนที่พวกเขาประทับใจ
ชาวซาโตริใช้เงินไปเพื่อการอยู่รอดเท่านั้น
จากข้อมูลในปี 2017 ชาวซาโตริมีการใช้จ่ายเงินไปกับสิ่งของราคาสูงอย่าง บ้านหรือรถน้อยลง และเลือกที่จะจับจ่ายสิ่งพื้นฐานสำหรับการอยู่รอดเพียงเท่านั้น
5 สิ่งที่ชาวซาโตริให้ความสำคัญ
สงสัยไหมว่าถ้าชาวซาโตริจะไม่สนใจเกี่ยวกับความสำเร็จ หน้าที่การเงิน หรือเงินทอง แล้วอะไรกันล่ะที่พวกเขาให้ความสำคัญ
1. ชาวซาโตริสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ
คนเจนซาโตริกระตือรือร้นที่จะสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งเห็นได้ชัดจากกิจกรรมทางสังคมต่าง ๆ เช่น แคมเปญ #MeToo และ #KuToo รวมถึงมีการศึกษาหลายชิ้นเผยว่าคนเจเนอเรชันนี้ต้องการให้ผู้หญิงและผู้ชายสามารถเข้าถึงโอกาส และมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ต่าง ๆ อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่ทำงาน
2. ชาวซาโตริยอมรับในความหลากหลายทางเพศ
ชาวซาโตริเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีทัศนคติเปิดกว้างต่อการแสดงออกถึงอัตลักษณ์ทางเพศที่หลากหลาย และรู้สึกสบายใจกับความลื่นไหลทางเพศ จึงทำให้แนวคิด ‘ไร้เพศ’ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในคนกลุ่มนี้ และการเปิดเผยอัตลักษณ์ทางเพศของบุคคลสาธารณะในประเทศญี่ปุ่นอย่างเสรี เช่น Ryuchell, อิเดกามิ บาคุ และ Toman ก็แสดงให้เห็นถึงการทลายกำแพงทางเพศในประเทศญี่ปุ่น
นอกจากนี้ เครื่องสำอางก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เห็นว่าชาวซาโตริได้ก้าวข้ามข้อจำกัดทางเพศ จากเดิมที่มองว่าการดูแลตนเอง หรือการใช้เครื่องสำอางเป็นเรื่องของผู้หญิงเท่านั้น แต่ผู้ชายในเจนซาโตริได้มีการใช้เครื่องสำอางอย่างเสรี รวมถึงเริ่มมีการใช้นายแบบและนางแบบข้ามเพศในการโฆษณาเพิ่มมากขึ้น
3. ชาวซาโตริให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า
สำหรับชาวซาโตริ ‘ประสิทธิภาพด้านต้นทุน’ เป็นสิ่งที่พวกเขาใส่ใจเป็นอย่างมากก่อนการตัดสินใจซื้ออะไรสักอย่าง โดยพิจารณาจากความสมดุลของราคาและความทนทาน ทำให้คนเจนซาโตริเลือกซื้อสินค้าที่มีราคาถูกมากกว่าที่จะพิจารณาจากความหรูหราของแบรนด์เนม
นอกจากนี้สิ่งที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของคนรุ่นใหม่อย่างชาวซาโตริ กลับไม่ใช่คนมีชื่อเสียงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ถึงแม้ว่าจะเติบโตมาพร้อมเทคโนโลยีสมัยใหม่ แต่อาศัยความน่าเชื่อถือจากคนใกล้ตัวมากกว่า
4. มีจุดยืนในการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
เนื่องจากชาวซาโตริเป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่ต้องการเป็นที่โดดเด่น จึงมีการแสดงออกทางการเมืองน้อยกว่าคนรุ่นก่อน และไม่กล้าที่จะก้าวออกไปทำการประท้วงเพื่อเรียกร้องสิ่งต่าง ๆ แต่ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ได้ทำอะไรเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมเลย คนเจนนี้มีวิธีการเรียกร้องทางสังคมที่แตกต่างออกไป นั่นคือการลงนามคำร้องบนโซเชียลมีเดีย หรือการสนับสนุนโดยไม่เปิดเผยชื่อ
5. ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ที่โรแมนติกน้อยลง
ว่ากันว่าคนเจนซาโตริมีความกระตือรือร้นน้อยมากในเรื่องความรักหรือการหาคู่ จากการศึกษาพบว่าชาวซาโตริถึง 40% มองว่าการแต่งงานไม่ใช่เรื่องจำเป็นถ้าพวกเขายังไม่เจอคนที่ใช่ และคนเจนนี้มักจะให้ความสำคัญกับตนเองก่อนแทนที่จะหวังพึ่งให้คนอื่นมาทำให้ชีวิตตนเองดีขึ้น แต่ในอีกแง่หนึ่งชาวซาโตริมุ่งเน้นที่จะรักษาความสัมพันธ์กับบุคคลใกล้ชิดอย่างพ่อแม่เป็นพิเศษ
หากตอนนี้คุณกำลังเป็นอีกคนที่กำลังเหนื่อยล้ากับสังคมสมัยใหม่ที่วุ่นวาย และมีเต็มไปด้วยการแข่งขัน นี่อาจถึงเวลาที่จะลองหันมาใช้วิถีชีวิตแบบชาวซาโตริ ที่คุณจะได้สัมผัสความเรียบง่ายแบบไม่ต้องคาดหวังอะไรให้หนักใจ