รวมที่เที่ยวหน้าหนาว เตรียมพร้อมสัมผัสลมเย็นสุดฟิน
- หลังจากเหนื่อยล้ามาทั้งปี หลายคนคงกำลังมองหาที่เที่ยวหน้าหนาว เพื่อออกไปสัมผัสอากาศเย็น ๆ ให้ได้พักกาย ผ่อนคลายสมอง และชาร์จพลังก่อนขึ้นปีใหม่
- ในประเทศไทยมีที่เที่ยวหน้าหนาวที่น่าสนใจหลากหลายที่ทั่วประเทศ ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และภาคอีสาน
- ทุกคนสามารถเลือกได้เลยว่าอยากจะขึ้นเขาไปแตะไอหมอก ออกไปรับลมทะเลเย็น ๆ หรือจะเดินเล่นชมสวนดอกไม้ที่บานสะพรั่งในช่วงหน้าหนาวก็ตอบโจทย์ทุกความชอบ
เมื่อปลายปีใกล้เข้ามา บรรยากาศเย็นสบายของหน้าหนาวก็เริ่มเข้ามาทักทาย เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการออกเดินทางไปพักผ่อน รับลมเย็นให้เต็มปอด พร้อมปล่อยใจไปกับวิวสวย ๆ ของธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นภูเขาสูงโอบล้อมด้วยทะเลหมอก หรือสวนดอกไม้บานสะพรั่ง แต่ถ้าใครยังไม่แน่ใจว่าหนาวนี้จะไปไหนดี วันนี้ Shor Recap ได้รวบรวมที่เที่ยวหน้าหนาวทั่วไทยไว้ให้แล้ว มาเตรียมตัวให้พร้อมแล้วออกไปสัมผัสลมหนาวกันเลย!
1. บ้านรักไทย จ.แม่ฮ่องสอน
บ้านรักไทยเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ของชาวจีนยูนนานที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหุบเขาและธรรมชาติอันเงียบสงบในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ด้วยอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปีทำให้ที่นี่เป็นแหล่งปลูกชาชั้นดีและพืชเมืองหนาวนานาชนิด และเต็มไปด้วยเสน่ห์จากสถาปัตยกรรมจีนยูนนานที่โดดเด่น รวมถึงมีกิจกรรมหลากหลายให้ได้เพลิดเพลิน ไม่ว่าจะเป็นการจิบชาร้อน ๆ ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย ชิมอาหารยูนนานรสชาติต้นตำรับ หรือดื่มดำไปกับความสวยงามของวิวธรรมชาติและสถาปัตยกรรมที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรมจีนยูนนาน เรียกได้ว่าที่นี่เป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่สมบูรณ์แบบสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง
2. สะพานแดง จ.สมุทรสาคร
สะพานแดงที่ ต.พันท้ายนรสิงห์ จ.สมุทรสาคร เป็นสะพานไม้สีแดงที่ทอดยาวไปในชายทะเลระยะทางยาว 700 เมตร โอบล้อมด้วยทิวทัศน์ชายฝั่งที่สวยงาม พร้อมลมทะเลพัดเย็นสบาย โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินชมวิวป่าชายเลนและแนวไม้ไผ่ชะลอคลื่นได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม หากโชคดีอาจได้เห็นได้ฝูงโลมาที่ว่ายมาหาอาหารในบริเวณนี้ด้วย หรือจะแค่แวะมาเก็บภาพบรรยากาศสวยและทานอาหารทะเลแบบสด ๆ ก็ตอบโจทย์ที่เที่ยวหน้าหนาวสำหรับคนที่ไม่อยากเดินทางขึ้นเขาเช่นกัน
3. ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง จ.ยะลา
ลบภาพจำเดิม ๆ ที่ว่าภาคใต้ไม่มีหน้าหนาวกับ ทะเลหมกอัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา จุดชมวิวทะเลหมอกในภาคใต้ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถชมทะเลหมอกได้ตลอดทั้งปี เรียกได้ว่าเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่ไม่ต้องรอถึงหน้าหนาวก็สัมผัสอากาศเย็นได้ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังจุดชมวิวต่าง ๆ ได้ ทั้งจากจุดชมวิวสกายวอล์กที่มีพื้นกระจกใสให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับวิวสวย ๆ แบบ 360 องศาจนลืมเสียวไปเลย หรือจะเดินทางไปยังจุดชมวิวทะเลหมอกดั้งเดิมที่อยู่ใกล้กับเสาสัญญาณโทรศัพท์บนยอดเขา ก็มีลานจอดรถและร้านอาหารให้บริการอย่างครบครัน
4. เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์
เขาค้อ จ.เพชรรบูรณ์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศเย็นสบายเหมาะแก่การเที่ยวชมธรรมชาติและสัมผัสทะเลหมอกที่สวยงาม และสำหรับใครที่สนใจประวัติศาสตร์เขาค้อก็มีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่หลากหลาย เช่น อนุสาวรีย์จีนฮ่อ, พิพิธภัณฑ์อาวุธ และอนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ เรียกได้ว่าเขาค้อเป็นที่เที่ยวหน้าหนาวที่อุดมสมบูรณ์ทั้งทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์เลยทีเดียว
5. สวนผึ้ง จ.ราชบุรี
สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เป็นหนึ่งที่เที่ยวหน้าหนาวใกล้กรุงเทพที่ทุกคนไม่ควรพลาดสำหรับการหลีกหนีความวุ่นวายไปพักกายพักใจในช่วงหน้าหนาวนี้ ด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้ ภูเขา และน้ำตก ทำให้มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจทั้งด้านธรรมชาติและกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การชมสวนดอกไม้บานสะพรั่งในช่วงฤดูหนาว หรือจะไปเยี่ยมชมฟาร์มแกะซึ่งเป็นกิจกรรมซิกเนเจอร์ของสวนผึ้ง อีกทั้งยังสามารถแช่น้ำอุ่นในธารน้ำร้อนบ่อคลึง ซึ่งเป็นบ่อน้ำแร่ธรรมชาติจากเทือกเขาตะนาวศรี ก็ช่วยคลายหนาวได้เป็นอย่างดี
6. ภูลังกา จ.พะเยา
วนอุทยานภูลังกา จ.พะเยา เป็นหนึ่งในที่เที่ยวหน้าหนาวที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในธรรมชาติและการผจญภัย เนื่องจากเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนที่ความสูงตั้งแต่ 900-1,720 เมตร ทำให้เป็นจุดหมายที่เหมาะแก่การเดินป่าพิชิตยอดดอย โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่สามารถชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นกับวิวอันสวยงามแบบ 360 องศา หรือจะเดินป่าผ่านทุ่งดอกโคลงเคลงเพื่อชมดอกไม้ป่าผลิบานในหน้าหนาวก็ผ่อนคลายไม่เบา
7. ดอยอ่างขาง จ.เชียงใหม่
ถ้าให้นึกถึงที่เที่ยวหน้าหนาว ดอยอ่างขาง จ.เชียงใหม่ คงเป็นหนึ่งในตัวเลือกหลักของเหล่านักท่องเที่ยว ด้วยเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร และอากาศเย็นสบายตลอดปี โดยเฉพาะหน้าหนาวที่อากาศจะเย็นจัดจึงเหมาะสำหรับคนที่อยากสัมผัสบรรยากาศหนาว ๆ และธรรมชาติที่งดงาม นอกจากนี้ ดอยอ่างขางยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุกสไตล์ เช่น สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ที่มีการเพาะปลูกพืชเมืองหนาวและดอกไม้สวยๆ ให้ชม, สวนบอนไซที่ตกแต่งด้วยพืชเมืองหนาว และจุดชมวิวกิ่วลมที่สามารถชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น-ตกได้อย่างสวยงามน่าประทับใจ และถ้าหากใครชื่นชอบดอกไม้สวย ๆ ก็ไม่ควรพลาดกับลานซากุระเมืองไทยที่บานสะพรั่งดอยในช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคม
8. ทุ่งทานตะวัน จ.ลพบุรี
อีกหนึ่งที่เที่ยวหน้าหนาวที่ไม่ควรพลาด คือ ทุ่งทานตะวัน จ.ลพบุรี โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม ที่ดอกทานตะวันจะบานสะพรั่งเต็มทุ่งเป็นวิวที่สวยงามตระการตาตลอดริมเส้นทางระหว่าง จ.ลพบุรีและสระบุรี นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอย่าง ขี่ม้า ปั่นจักรยาน หรือนั่งรถไฟชมทุ่งทานตะวันก็เปิดประสบการณ์ไปอีกแบบ แถมยังมีสินค้าท้องถิ่นให้เลือกซื้อกลับบ้านหรือนำไปเป็นของฝากก็น่าประทับใจ และหากมีเวลาอาจแวะนมัสการพระพุทธบาท เพื่อเสริมสิริมงคลก่อนเดินทางกลับ
9. ดอยผาหม่น จ.เชียงราย
ดอยผาหม่น จ.เชียงราย เป็นอีกที่เที่ยวหน้าหนาวที่คุณสามารถสัมผัสอากาศเย็นสบายท่ามกลางทิวทัศน์ที่สวยงามได้ โดยเฉพาะในช่วงเช้าที่จะได้เห็นทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นจากภูเขาฝั่งลาว และวิวแม่น้ำโขงที่คดเคี้ยวไปตามหุบเขา ส่วนตอนเย็นก็สามารถชมพระอาทิตย์ตกท่ามกลางทิวเขาฝั่งไทยได้ที่จุดชมวิวบนดอยผาหม่น
10. ภูหนอง จ.หนองคาย
ปิดท้ายกันด้วยภูหนอง จ.หนองคาย ที่เที่ยวหน้าหนาวที่คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศทะเลหมอกที่ปกคลุมยอดและทิวเขา โดยมีเส้นทางชมทะเลหมอกสะดวกสบายที่สร้างขึ้นจากความร่วมมือของชาวบ้านในหมู่บ้านโนนสว่าง ต.บ้านม่วง อ.สังคม ซึ่งจุดเด่นของที่นี่คือวิวแบบ 360 องศา ที่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก พร้อมกับทิวทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำโขงและพันโขดแสนไคร้ หรือแกรนด์แคนยอนหนองคายที่มีโขดหินและเกาะแก่งกลางแม่น้ำโขง รับรองว่าจะสามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศธรรมชาติอันเงียบสงบได้อย่างรอบด้านอย่างแน่นอน
ถ้าหากคุณกำลังมองหาที่เที่ยวหน้าหนาวสำหรับปลายปีนี้เพื่อออกไปพักผ่อนสัมผัสอากาศเย็นและธรรมชาติอันสวยงาม ลองเลือกสถานที่ที่คุณสนใจแล้วเตรียมตัวออกเดินทางกันเลย! ไม่ว่าจะไปคนเดียว ไปกับเพื่อน หรือครอบครัวก็ประทับไม่รู้ลืมอย่างแน่นอน