5 อันดับ ผลไม้วิตามินซีสู้งสูง
ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
ร่างกายคนเรามีหลากหลายระบบที่ทำงานร่วมกัน ซึ่งในแต่ละอวัยวะก็มีการทำงานที่แตกต่างกันออกไป แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือเพื่อให้เรายังคงสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ในบางครั้งร่างกายก็มีความซับซ้อนและฉลาดในการที่จะเยียวยา ป้องกันตัวเองจากสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคบางชนิดที่เข้าสู่ร่างกาย มีทั้งการต่อสู้จากภายในที่สามารถเอาชนะเชื้อโรคได้และก็มีบางครั้งที่พ่ายแพ้เพราะเกิดจากการสร้างเกราะป้องกันที่ได้ไม่ดีพอ เป็นที่รู้จักกันในแง่ของการมีระบบภูมิคุ้มกันที่ไม่ดีนัก เพราะฉะนั้นการให้จะร่างกายเราแข็งแรงมีสุขภาพที่ดีปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลมากถึง 80% คงหนีไม่พ้นอาหารที่เรารับประทานเข้าไป เหมือนที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ ว่า ‘You are what you eat’ กินอะไรก็ได้อย่างนั้น! ความหมายตรงตัวโดยที่ไม่ต้องค้นหาความหมายให้ลึกซึ้ง หนึ่งในสารอาหารที่เป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี คือ “วิตามินซี” และแหล่งอาหารที่พบเจอเจ้าวิตามินซีนี้มักอยู่ในผลไม้เป็นส่วนมาก เราเลยจะพามารู้จักกับผลไม้ที่มีแหล่งวิตามินซีสูง 5 ชนิด ที่หาทานได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป และยังมีประโยชน์ต่อร่างกายสูง
อันดับ 1 มะขามป้อม
มะขามป้อมเป็นผลไม้ลูกเล็กแต่จัดว่าวิตามินซีสูงที่สุดในบรรดาผลไม้ที่ให้รสเปรี้ยวทั้งหมด มีวิตามินซีมากถึง 276 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม มีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด แก้หวัด ละลายเสมหะ แก้ไอ ภาวะภูมิคุ้มกันอ่อนแอ บรรเทาอาการปวดตามข้อ ลดความดัน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระและแร่ธาตุที่จำเป็น เช่น วิตามินบี 3 วิตามิน A แคลเซียม ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส ทั้งมีใยอาหารต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย ทำให้มะข้ามป้อมนอกจากเป็นผลไม้แล้วยังถูกนำไปใช้เป็นส่วนประกอบของยารักษาโรคอีกด้วย
อันดับ 2 ฝรั่ง
ผลไม้อีกชนิดที่มีวิตามินซีสูงเป็นอันดับต้น ๆ ถึงแม้รสชาติอาจจะไม่เปรี้ยวแต่วิตามินซีสูงถึง 160 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม การจะให้วิตามินแร่ธาตุเหล่านั้นคงอยู่และได้รับในปริมาณที่สูงควรรับประทานแบบไม่ปอกเปลือกและเมื่อเด็ดออกจากต้นแล้วไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นานเนื่องจากจะทำให้วิตามินซีเสื่อมสภาพลงได้ เป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างการ ทั้งยังมีไฟเบอร์สูงเหมาะแก่คนที่ต้องการควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนักเพราะทำให้อิ่มท้องได้นานและขับถ่ายสะดวก สามารถมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคมะเร็งได้
อันดับ 3 กีวี
ถึงตาผลไม้นอกอย่างกีวี วิตามินซีสูงถึง 105 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม ผลไม้เนื้อสีเขียวเปลือกน้ำตาลอ่อนมีรสเปรี้ยวอมหวานนี้อุดมไปด้วยวิตามินแร่ธาตุมากมาย เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 6 วิตามินบี 9 วิตามิน C E A และ K มีโอเมกา 3 เหล็ก แมกนีเซียม โพแทสเซียม เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีไฟเบอร์สูงมาก การรับประทานหนึ่งผลอยู่ท้องและอิ่มนานเหมาะแก่การควบคุมน้ำหนักเช่นกัน สรรพคุณที่เป็นที่รู้กัน คือ กีวีช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดได้ดียิ่งขึ้น ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง อุดมไปด้วยกากใยอาหาร
อันดับ 4 ลิ้นจี่
ผลไม้ที่มีเนื้อสีขาวอุ้มน้ำผลสีแดงนี้มีวิตามินซีสูงถึง 71 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม รสชาติอร่อยหากรับประทานแบบแช่เย็นยิ่งชื่นใจ ทาน 3 ลูกต่อวันก็ถือว่าได้รับวิตามินซีเพียงพอแล้ว นอกจากความอร่อยแล้วเห็นลูกเล็กอย่างนี้สรรพคุณที่มาพร้อมกันมีไม่น้อยเลย เพราะหลัก ๆ แล้วเป็นที่รู้กันว่าลิ้นจี่ช่วยเรื่องป้องกันการเหน็บชา ระบบย่อยอาหาร บำรุงหลอดเลือด ป้องกันกระดูกและฟัน เป็นต้น สารอาหารวิตามินแร่ธาตุที่มาพร้อมกัน คือ วิตามินบี 1 ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ มีกรดไขมันจำเป็นอย่าง กรดปาล์มิติก ไลโนเลอิก และโอเลอิก แต่ไม่ควรรับประทานมากไปเพราะอาจเกิดร้อนในได้
อันดับ 5 มะละกอ
อันดับผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงติด Top 5 ใครจะไปคิดว่าเป็นมะละกอ แต่ต้องเป็นมะละกอสุกเท่านั้นที่มีวิตามินซีสูงถึง 70 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม เป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน รักษาโรคลักปิดลักเปิด มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ และเป็นที่รู้จักกันดีคือช่วยแก้เรื่องท้องผูกได้ดี ยิ่งทานก็ยิ่งช่วยเรื่องระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพช่วยให้ร่างกายแข็งแรง มีวิตามินและแร่ธาตุอย่าง วิตามินบี วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 ฟอสฟอรัส เหล็ก โซเดียมแคลเซียม โปรตีน และนอกจากนั้นมะละกอยังมีสารต้านอนุมูลอิสระได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้ผลไม้อื่นเลย ช่วยในการชะลอวัยและป้องกันการเกิดริ้วรอยต่าง ๆ จะเห็นได้ว่าปัจจุบันนิยมนำสารสกัดที่ได้จากมะละกอมาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลากหลายยี่ห้อ ทั้งยังนำไปเป็นส่วนผสมของยารักษาโรคได้ด้วย
ผลไม้ทั้ง 5 ชนิดจัดอยู่ในหมวดที่ให้วิตามินซีสูงในบรรดาผลไม้ บางชนิดทานเพียงแค่ 1 ลูกต่อวันก็ได้รับวิตามินอย่างเพียงพอต่อร่างกาย บางชนิดอาจจะต้องทานถึงสามลูก แต่โดยรวมแล้วควรทานให้สมดุลและพอดี ไม่มากไปและน้อยไป เพราะร่างกายก็ต้องการสารอาหารส่วนอื่นในการทำให้ระบบอวัยวะทำงานได้ตามปกติและอยู่อย่างยาวนานต่อไป การเลือกทานของเราต่างหากที่มีผลโดยตรงกับสุขภาพ การปฏิบัติตัวอย่างใจดีกับร่างกาย การดูแลรักษาและถนอมเอาไว้จะช่วยยืดระยะเวลาของอวัยวะแต่ละส่วนให้มีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงอย่างแน่นอน
