7 สัตว์เลี้ยงสุดแปลก (Exotic pet)
เลี้ยงได้ในไทย แถมน่ารักจัด!
เชื่อว่าน้องหมา น้องแมว คงเป็นสัตว์เลี้ยงยอดฮิตของคนทั่วโลก แต่วันนี้เราจะพาไปพบกับสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ บางคนอาจจะสงสัยว่า “เลี้ยงได้ด้วยเหรอ” คำตอบคือ “ได้สิ” และสัตว์เลี้ยงพวกนี้ถูกจัดให้เป็น Exotic Pet อีกด้วยนะ ถึงแม้จะแปลก แต่น้องก็น่ารักไม่เบา
Exotic pet คือ สัตว์แปลก สัตว์หายาก เป็นสัตว์เลี้ยงสำหรับคนเฉพาะกลุ่มที่ชื่นชอบสัตว์รูปร่างหน้าตาแปลก สัตว์เหล่านี้จะได้รับอนุญาตให้สามารถเลี้ยง เพาะพันธุ์ และซื้อขายได้ แต่บางสายพันธุ์อาจต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
1. สุนัขจิ้งจอก
ภาพจำของหลายคนมองว่าสุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์ที่เจ้าเล่ห์ ดุร้าย ไม่น่าไว้ใจ แต่หลังจากมีผู้เชี่ยวชาญทำวิจัยเพื่อพัฒนาสายพันธุ์ให้มันเชื่องและเป็นมิตรกับมนุษย์ได้สำเร็จ สุนัขจิ้งจอกจึงถูกนิยมนำมาเลี้ยงมากขึ้น และถูกจัดให้เป็น Exotic Pet หรือสัตว์เลี้ยงสุดแปลก
โดย “Fennec Fox” จะเป็นสายพันธุ์ยอดนิยมที่ถูกนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงมากที่สุด เนื่องจากตัวค่อนข้างเล็ก และกลิ่นตัวเหม็นน้อยกว่าสายพันธุ์อื่น นอกจากนี้ ยังมีสายพันธุ์อื่นที่สามารถนำมาเลี้ยงได้ ได้แก่ Arctic Fox, Bat-eared Fox, Corsac Fox, Gray Fox, Red Fox และ Swift Fox
เลี้ยงสุนัขจิ้งจอกผิดกฎหมายหรือไม่
สุนัขจิ้งจอกสายพันธุ์ไทย เช่น หมาจิ้งจอก (Golden Jackal) และหมาในหรือหมาแดง (Dhole) จะถูกจัดอยู่ในสัตว์ป่าคุ้มครอง จึงห้ามทำการซื้อขายเด็ดขาด! ถ้าอยากเลี้ยงแนะนำว่าควรจะเลือกสายพันธุ์ต่างประเทศที่ถูกกฎหมายในไทยพร้อมกับใบอนุญาตให้เลี้ยงจะปลอดภัยมากกว่า
2. นกเหยี่ยว
นอกจากนกเหยี่ยวจะเป็นสัตว์ที่เลี้ยงไว้เพื่อความสวยงามแล้ว ยังสามารถฝึกให้ ‘ล่า’ เพื่อแก้ปัญหานกพิราบหรือสัตว์อื่น ๆ มากินผลผลิตจากพืชอีกด้วย แต่การจะนำนกเหยี่ยวมาเป็นสัตว์เลี้ยงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ การครอบครองนกเหยี่ยวสายพันธุ์ในประเทศไทยนั้นถือว่าผิดกฎหมาย หากใครจะคิดจะเลี้ยงต้องนำเข้าจากต่างประเทศ โดยมีใบอนุญาตครอบครองจากกรมป่าไม้ และมีใบนำเข้า CITES (อนุสัญญาระหว่างประเทศ) จึงจะถือว่าถูกกฎหมาย
วิธีคือให้ติดต่อผู้ดำเนินการนำเข้านกเหยี่ยว (เอเจนต์) หลังจากนั้นเอเจนต์จะติดต่อไปยังฟาร์มที่ต่างประเทศ เพื่อจองไข่ เมื่อไข่ของเหยี่ยวฟักแล้ว ฟาร์มจะแยกเพศ แล้วส่งรูปนกกลับมาให้เลือก
เมื่อเลือกได้แล้วก็จะทำการจอง แต่นกจะยังไม่ส่งมาให้ทันที ต้องรอให้แข็งแรงก่อน อาจจะต้องรออายุ 3 เดือนขึ้นไปจนถึง 1 ปี และถ้านกแข็งแรงพอที่จะเดินทางได้แล้ว ฟาร์มจะส่งนกเหยี่ยวมาให้ทางเครื่องบิน โดยจะปิดตาด้วย Hood หรือหมวกหนังขนาดเล็ก เพื่อไม่ให้ตื่นตระหนกระหว่างเดินทาง
3. แรคคูน
กระแส Exotic Pet ที่กำลังมาแรง ทำให้แรคคูนกลายเป็นหนึ่งในซุปเปอร์สตาร์ที่เหล่าคนรักสัตว์แปลกเอ็นดูไม่น้อยเลยทีเดียว นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกของแรคคูนจะดูอ้วนกลม ขนฟู มีหางปุกปุย จนโดนใจหลายคนแล้ว ยังมีความกวน เช่น ทำท่าต้วมเตี้ยมตอนแย่งอาหารสัตว์อื่น ใช้อุ้งเท้าและนิ้วมือสั้น ๆ เกาะลำต้นตอนปีนต้นไม้
สำหรับใครที่สนใจอยากรับเจ้าจอมซนมาดูแล จะต้อง เลือกเฉพาะตัวที่มีการเพาะพันธุ์ใหม่สำหรับเป็นสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เพื่อหลีกเลี่ยงการจับแรคคูนมาจากป่า และห้ามปล่อยเจ้าตัวแสบออกมาวิ่งเล่นนอกบ้านเหมือนน้องหมาเด็ดขาด เพราะจะหลุดหายแน่นอน ซึ่งมีโอกาสน้อยมาก ๆ ที่แรคคูนจะกลับบ้านเองได้ หากอยากพาแรคคูนไปเปลี่ยนบรรยากาศข้างนอก แนะนำให้ใช้สายจูง และควรฝึกให้คุ้นชินกับสายจูงตั้งแต่ยังเด็ก
4. คอร์น สเนก
คอร์น สเนก (Corn Snake) คือ งูสวยงามที่มาจากสายพันธุ์ของงูธรรมชาติและตัดแต่งสายพันธุ์ จนทำให้เชื่องมาก ๆ ไม่มีพิษไม่มีภัย เด็ก ๆ สามารถเลี้ยงได้ ที่เรียกว่าคอร์น สเนก ก็เพราะว่ามีลวดลายคล้ายข้าวโพดบริเวณใต้ท้องนั่นเอง แถมยังมีสีสันสวยงาม ตั้งแต่สีขาวนวล เหลือง น้ำตาล แดง ไปจนถึงสีดำ
สำหรับใครที่อยากได้เจ้าคอร์น สเนก มาเป็นสัตว์เลี้ยง ควรเลี้ยงไว้ในตู้กระจกหรือกล่องพลาสติกที่มีฝาปิด พื้นภายในกล่องควรรองพื้นให้หนาไว้สำหรับขุดโพรง จะใช้เศษไม้อัด ขี้เลื่อย หรือเปลือกมะพร้าวก็ได้ งูจะได้รู้สึกเหมือนอยู่ในธรรมชาติ และต้องมีภาชนะดินเผาใส่น้ำไว้สำหรับให้งูกินน้ำและแช่น้ำ
5. เบียร์ด ดรากอน
เบียร์ด ดรากอน (Bearded Dragon) คือกิ้งก่าทะเลทราย บางคนเรียกว่า “มังกรเครา” เพราะมีหน้าตาคล้ายกับมังกร นิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะเหล่าที่ชอบ Exotic Pet เพราะนิสัยดี ไม่กัดหรือทำร้ายมนุษย์ สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายสัตว์เลี้ยงหรือผู้ที่เพาะเลี้ยง ยิ่งสีเข้ม ๆ เช่น สีแดง สีเหลือง ราคาจะสูงกว่าเบียร์ดที่มีสี น้ำตาลจืด ๆ เรียกได้ว่า “ยิ่งแดงยิ่งแพง” นั่นเอง
เบียร์ด ดรากอน เป็นสัตว์ที่ชอบอากาศร้อนและแห้ง ดังนั้น เมื่อไหร่ที่เข้าฤดูฝนหรือเจออากาศหนาวและชื้นมาก ๆ จะต้องดูแลเป็นพิเศษ ด้วยการเอาหลอดไฟดวงเล็ก ๆ มาไว้ใกล้ ๆ ตัว เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
6. ฮอร์นฟรอก
ฮอร์นฟรอก (Argentine horned frog) หรือ “กบตาหนามอาเจนติน่า” เจ้าของฉายากบจอมตะกละ เพราะเป็นกบที่กินเนื้อจริง ๆ กินได้ทุกอย่างที่ขวางหน้า ตั้งแต่หนอน แมลงตัวเล็ก ๆ รวมถึงพวกพ้องตัวเองที่เล็กกว่า แต่ถึงอย่างนั้นคนก็นิยมนำมาเป็นสัตว์เลี้ยง เพราะมีสีสันสวยงาม ทั้งสีเขียว เหลือง ส้ม สตรอว์เบอร์รี และช็อกโกแลต
การเลี้ยงฮอร์นฟรอกจะไม่ค่อยยุ่งยากมากนัก เพราะขับถ่ายน้อย และไม่ต้องใช้หลอดไฟส่องเหมือนเจ้ากิ้งก่า แต่ต้องใส่ใจเรื่องวัสดุรองพื้นที่ต้องทำให้ชุ่มชื้นตลอดเวลา
แล้วถ้าใครอยากเล่นกับเจ้าฮอร์นฟรอก บอกเลยว่าอาจจะไม่สนุกเท่าไหร่ เพราะมันเป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่ค่อยทำกิจกรรมให้เจ้าของดูมาก สิ่งที่มันทำได้คือมักจะนั่งนิ่ง ๆ เอาตัวฝังดินทั้งวัน แนะนำว่าไม่ควรจับมันเล่น เพราะบางตัวอาจงับมือจนเลือดออกได้ และน้ำมันที่ผลิตจากมือของคนก็อาจทำให้ผิวหนังกบระคายเคืองด้วย ดังนั้น จับมันเท่าที่จำเป็น
7. เฟอเรท
เฟอเรท (Ferret) เป็นสัตว์เลี้ยงกินเนื้อที่ได้รับความนิยมมากในสหรัฐอเมริกา มีนิสัยชอบสำรวจ อยากรู้อยากเห็น และยังเป็นนักขุดคุ้ยชั้นยอด แถมเล่นกับเจ้าของได้ทั้งวัน นิสัยก็คล้าย ๆ น้องหมา น้องแมวที่บ้านเรานั่นเอง ใครอยากเลี้ยงเฟอเรทต้องรู้ไว้เลยนะว่าเขาเป็น “สัตว์ที่ขาดเซ็กส์ไม่ได้” หากเพศเมียไม่ได้รับการผสมพันธุ์จะมีภาวะเลือดจางจากระบบฮอร์โมน หรือเรียกว่าภาวะฮอร์โมนเป็นพิษ ทำให้ท้องบวม ตัวเหลืองซีด ขนร่วงทั้งตัว อาจถึงขั้นตายได้ ส่วนเพศผู้อาจมีอาการผิดปกติที่ต่อมหมวกไต
การเลี้ยงเฟอเรทอาจไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบกลิ่นเหม็น เพราะเขาจะมีต่อมกลิ่นอยู่ใต้ผิวหนังและใต้ทวารหนัก โดยจะปล่อยกลิ่นสาปออกมาทุกครั้งที่เกิดอาการตกใจกลัว แต่ถ้าเจ้าของยอมรับกลิ่นของมันได้ก็ไม่มีปัญหาสำหรับการเลี้ยง
การจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ได้ ผู้เลี้ยงต้องศึกษาข้อมูลให้ดี ไม่ว่าจะเป็นลักษณะนิสัย ถูกกฎหมายหรือไม่ รวมถึงความพร้อมของสถานที่ ไม่อย่างนั้นอาจเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา