ท่าทางแบบนี้ คิดอะไรอยู่?
วิธีอ่านภาษากายคู่สนทนา พร้อมวิธีแก้
- การอ่านภาษากาย เราไม่ได้รู้เพื่อที่จะอ่านความคิดคนอื่น แต่เรารู้เพื่อให้สื่อสารกับคนอื่นได้ดีขึ้น
- ควรทำความเข้าใจก่อนว่าแต่ละคนไม่เหมือนกัน สังเกตว่าปกติเขาเป็นคนยังไงเวลาอยู่กับเรา แตกต่างจากสภาพเดิมแค่ไหน
- การสั่นขา อาจจะเป็นเรื่องปกติ ถ้าเขาสั่นขาอยู่แล้ว แต่ถ้าจู่ ๆ อยู่กับเราแล้วสั่นขา แสดงว่าเขารีบ!
- ภาษากายเป็น Universal Language ยกเว้นในบางวัฒนธรรมที่อาจมีท่าทีที่แตกต่างกันออกไป เช่น คนอินเดียมักจะส่ายหัวเวลาตอบตกลง
รู้ไหมว่าเราสามารถรับรู้ข้อมูลของคู่สนทนาได้มากถึง 55% เพียงแค่สังเกตภาษากายของเขา ดังนั้น วันนี้เรามาอ่านภาษากายกันดีกว่า เขามีอาการแบบนี้แปลว่าอะไรนะ! แล้วจะทำอย่างไรให้เขาเลิกทำพฤติกรรมนี้ใส่เรา และเพื่อให้การคุยของเราไหลลื่นดีขึ้นกว่าเดิม
1. กอดอก / เอากระเป๋ามาวางหน้าตัก
การกอดอกหรือเอากระเป๋ามาวางที่หน้าตัก เป็นภาษากายที่สื่อถึงการปิดบัง หมายความว่าเขาหรือเธอคนนั้นยังเปิดใจไม่เต็มที่ ในทางความเชื่ออาจจะไม่ได้สื่อถึงแบบนี้ แต่ตามจิตใต้สำนึกมันคือการระมัดระวังตนเองตามสัญชาตญาณ
หนทางแก้ เมื่อเราคุยกับคน ๆ หนึ่งแล้วเขามีลักษณะอาการแบบนี้ ก่อนอื่นต้องเคลียร์โต๊ะให้โล่ง แล้วสื่อสารด้วยการมองตาฝ่ายตรงข้าม ให้เขารู้สึกว่าไม่มีอะไรต้องกลัวหรือสงสัย เมื่อไรที่เขาไม่กอดอกหรือนำกระเป๋าขึ้นมาวางบนโต๊ะ แสดงว่าเขาเริ่มเปิดใจแล้ว (จากเดิมวางหน้าตัด เปิดใจแล้วจึงเอามา)
2. ไม่หันหน้าตรงเวลาคุย
การไม่หันหน้ามาตรง ๆ เวลาคุยกับเรา หรือตอนพูดชอบแค่หันข้าง ๆ เป็นภาษากายที่บอกว่าเขายังไม่ไว้ใจ หรือยังประทับใจไม่มากพอ
หนทางแก้ ถ้าเราอยากให้คนที่เราคุยด้วยรู้ว่าเรากำลังสนใจเขาจริง ๆ ควรหันหน้าคุยกับเขาแบบเต็ม ๆ และทำทุกอย่างให้เขารู้สึกดี และสบายใจ เช่น หันหน้าตรง ๆ และสบตาเวลาพูดคุย ยิ้มด้วยความจริงใจ
3. ยิ้มแค่เฉพาะปาก
ยิ้มแค่ปาก หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ยิ้มเสแสร้ง” เป็นภาษากายที่บ่งบอกว่าเขาแค่อยากทำให้เราสบายใจ แต่ตัวเขาเองไม่ได้มีความสุข หรืออาจจะยิ้มเพื่อกลบเกลื่อน แต่จริง ๆ แล้วอาจจะรำคาญเราก็ได้ เพราะถ้าเขามีความสุขหรือ Enjoy จริง ๆ ตาของเขาจะยิ้มด้วย
หนทางแก้ ในระหว่างที่สนทนาถ้าเห็นเขายิ้มแค่มุมปากให้เรา ให้ลองถามไถ่ว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า โอเคไหม ถ้าเขาสัมผัสได้ว่าเราห่วงใย เขาก็อาจจะรู้สึกดีขึ้น แต่ถ้าเป็นการสนทนาบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ แล้วเรารับรู้ได้ว่าเขาไม่ได้อยากฟัง แต่ยังยิ้มให้อยู่ ให้เราค่อย ๆ ตัดจบเนื้อหาภายใน 5 นาที
4. นั่งไขว่ห้าง
การนั่งไขว่ห้างเป็นภาษากายที่สามารถบ่งบอกได้ 2 แบบ คือ ถ้านั่งไขว้ห้างแบบหลวม ๆ มีการแกว่งขาไปมา แสดงว่าเขาคนนั้นกำลังรู้สึกผ่อนคลาย สังเกตเวลาผู้ชายชอบใคร เขามักจะนั่งไขว่ห้างเพื่อรีแล็กซ์ ไม่ให้ตัวเองรู้สึกเขินอายจนเกินไป
กับอีกแบบหนึ่งคือนั่งไขว่ห้างแบบหนีบแน่น มีการเกร็งขา แสดงว่าเขากำลังต้องการปกป้องตัวเอง หรือไม่อยากรับฟังอะไรทั้งสิ้น แม้แต่เรื่องที่คุณกำลังพูดอยู่ก็ตาม ทั้งนี้ทั้งนั้น อาจต้องสังเกตพฤติกรรมอื่นร่วมด้วย เช่น มีการหันหน้าไปทางอื่น ละสายตาอย่างรวดเร็ว เพราะนี่คือภาษากายอีกอย่างหนึ่งที่บอกว่าเขาไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณพูด
หนทางแก้ ถ้าเป็นการเจรจาธุรกิจหรือเรื่องที่สำคัญควรหยุดการสนทนาไปก่อน โดยค่อย ๆ พูดตะล่อมเข้าสู่บทจบสนทนา หากเป็นคนสำคัญมาก ๆ ค่อยนัดมาพบกันใหม่ แล้วเตรียมข้อมูลหรือใช้เทคนิคพูดเปิดใจเขาให้ได้
*ท่านั่งไขว่ห้างเป็นท่าที่สบาย หลายคนจึงชอบนั่งท่านี้ เพราะฉะนั้น ต้องสังเกตว่าสภาพปกติเขาเป็นยังไงเวลาเขาอยู่กับเรา แตกต่างจากสภาพเดิมแค่ไหน ถึงจะอ่านภาษากายจากท่าไขว่ห้างนี้ได้
5. พยักหน้าหลายครั้งอย่างรวดเร็ว
การพยักหน้าหลาย ๆ ครั้งแบบรวดเร็ว และถี่กว่าปกติ คือภาษากายที่บ่งบอกว่าคน ๆ นั้นไม่อยากรับฟังอะไรที่คุณพูดแล้ว การพยักหน้าแบบถี่ ๆ จึงเป็นการบอกนัย ๆ ว่า “รู้แล้ว เข้าใจแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” นั่นเอง
หนทางแก้ หยุดการสนทนาโดยเร็ว เพราะต่อให้คุณพูดอะไรไป ก็จะเข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา อย่าเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
6. ขมวดคิ้ว
การขมวดคิ้วอาจไม่ได้หมายความว่าคู่ตรงข้ามจะตึงหรือเครียดเสมอไป กลับกันคือมันเป็นการที่เขากำลังพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่คุณพูดอยู่นั่นเอง รวมถึงกำลังประเมินผลลัพธ์จากสิ่งที่คุณพูดหรือความเป็นไปได้ของสิ่งที่จะเกิดขึ้น ฉะนั้น อย่าได้กังวลว่าคู่ตรงข้ามจะหงุดหงิดหรือไม่ชอบเราเสมอไป
หนทางแก้ ลองถามว่าเขาสงสัยอะไรในสิ่งที่เราพูดหรือเปล่า ถ้าเขามีคำถาม เขาจะถามออกมาทันที แต่ถ้าไม่มีหรือว่าเขาหาคำตอบให้ตัวเองได้แล้ว พฤติกรรมขมวดคิ้วจะค่อย ๆ หายไปเอง
ทั้งหมดนี้ก็เป็นภาษากายพื้นฐานของมนุษย์ที่เราสังเกตเห็นได้บ่อย และอย่าลืมว่าการอ่านภาษากาย เราไม่ได้รู้เพื่อที่จะอ่านคนอื่นได้ แต่เรารู้เพื่อให้สื่อสารกับคนอื่นได้ดีขึ้น ลองนำไปปรับใช้กับเพื่อนร่วมงานหรือผู้ร่วมธุรกิจของคุณดูนะ