สัมผัสมนต์ขลัง “10 วัดอยุธยา”
สถาปัตย์ฯ เจ๋ง ไปเช้าเย็นกลับได้
วันหยุดยังไม่รู้จะไปไหน ลองมาเที่ยววัดอยุธยาดูไหม ใกล้กรุงเทพฯ เที่ยว 10 วัดก็ยังไหว ไปเช้าเย็นกลับได้สบาย ๆ เลยล่ะ ได้ทั้งไหว้พระที่อยุธยาและชมโบราณวัตถุเก่าแก่ไปพร้อมกัน บอกเลยว่าศิลปะยุคนั้นงดงามและยิ่งใหญ่อลังการมาก แทบไม่อยากเชื่อว่าคนยุคนั้นจะสร้างสถาปัตยกรรมได้เก่งขนาดนี้ แถมแต่ละวัดยังมีไฮไลต์ที่แตกต่างกันอีกด้วย วัดไหนในอยุธยาน่าเที่ยวบ้างไปดูกัน
1. วัดมหาธาตุ
จุดเด่นของวัด
หากคุณคุ้นเคยภาพเศียรพระแทรกอยู่ในรากไม้ ที่นี่คือวัดมหาธาตุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยานั่นเอง ถือว่าเป็นไฮไลต์ของวัดนี้เลยล่ะ มีการคาดการณ์ว่าเศียรของพระพุทธรูปนี้หล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นไม้ในสมัยที่เสียกรุง ทำให้รากไม้ขึ้นปกคลุม เว้นเหลือไว้แต่ใบหน้าของพระพุทธรูป จนกลายเป็นสิ่งงดงามแปลกตาที่ดึงดูดทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้มาเยี่ยมชมวัดอยุธยาแห่งนี้นี่เอง
2. วัดราชบูรณะ
จุดเด่นของวัด
วัดถัดมาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดมหาธาตุมากนักก็คือวัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แค่ขับรถตรงขึ้นไปหน่อยก็ถึงแล้ว หากมองลอดจากประตูหน้าเข้าไปก็จะเห็นพระปรางค์ตั้งอยู่ตรงกลางพอดีเป๊ะ ถือว่าคนสมัยก่อนคำนวณระยะได้เก่งมาก และหน้าต่างเกือบทุกบานยังมองเห็นเจดีย์อยู่ในกรอบอีกด้วย
วัดอยุธยาแห่งนี้โด่งดังมากในเรื่องการขุดพบสมบัติมากมายในกรุพระปรางค์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นพระแสงขันธ์มงกุฎ มงกุฎราชินี เสื้อทองคำ พระทองคำ ฯลฯ ซึ่งในอดีตเคยมีคนมาขโมยสมบัติต่าง ๆ เหล่านี้ไป กรมศิลปากรเลยต้องมาขุดกรุในพระปรางค์อีกครั้ง เพื่อนำของมีค่าไปเก็บไว้ ส่วนใครที่ชอบเดินชมภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่นี่ก็มีทางให้เดินลงไปชมภายในกรุได้ด้วยนะ
3. วัดพระศรีสรรเพชญ์
จุดเด่นของวัด
วัดพระศรีสรรเพชญ์เป็นวัดที่มีความสำคัญมากในสมัยอยุธยา เพราะเป็นวัดประจำพระราชวังและไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาเช่นเดียวกับวัดพระแก้วในกรุงเทพมหานคร จุดเด่นของวัดนี้ในสมัยก่อนถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีทางศาสนาของพระมหากษัตริย์ทั้งส่วนพระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ รวมทั้งพระราชพิธีสำคัญของบ้านเมือง เช่น พระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา และยังเป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์และพระอัฐิของพระบรมวงศานุวงศ์อีกด้วย
ภายในวัดประกอบด้วยโบราณสถานที่สำคัญ ได้แก่ เจดีย์ทรงระฆังกลมขนาดใหญ่ 3 องค์ เป็นประธานของวัด
– องค์ที่ 1 บรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก)
– องค์ที่ 2 บรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3
– องค์ที่ 3 บรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 (ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก)
หากมาเที่ยวอยุธยาที่วัดนี้จะมีสถานที่ให้เราไหว้พระทำบุญด้วย
4. วัดธรรมิกราช
จุดเด่นของวัด
วัดนี้เป็นวัดอยุธยาที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากวัดพระศรีสรรเพชญ์ ในอดีตเคยเป็นพระอารามหลวงมาก่อน มีสิ่งที่น่าสนใจคือเศียรพระธรรมิกราช ซึ่งเป็นเศียรพระพุทธรูปสำริดที่มีขนาดใหญ่สุดและมีความสำคัญที่สุดองค์หนึ่งในประเทศไทย ปัจจุบันได้เก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา
และวัดในอยุธยาแห่งนี้ยังมีเจดีย์ทรงกลมปูนปั้นรูปสิงห์ล้อมที่หาชมได้ยาก เพราะส่วนใหญ่ที่พบจะเป็นปูนปั้นรูปช้างในสมัยสุโขทัย เรียกว่า วัดช้างล้อม แต่วัดนี้มีสิงห์ล้อมถึง 52 ตัว ปัจจุบันเหลือเพียง 20 ตัว ถือว่าเป็นพระเจดีย์สิงห์แห่งเดียวในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
5. วัดพระราม
จุดเด่นของวัด
อีกหนึ่งวัดอยุธยาที่ห้ามพลาดก็คือวัดพระรามแห่งนี้ บอกเลยว่าเป็นวัดที่ใหญ่โตและกว้างขวางมาก แล้วยังตั้งอยู่กลางเมืองอยุธยาเลยด้วย มีบึงขนาดใหญ่อยู่หน้าวัดชื่อว่า “บึงชีขันหรือหนองโสน” ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “บึงพระราม” ซึ่งเข้าใจว่ามีมาก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยา มีการขุดเอาดินในหนองนี้มาถมพื้นที่วังและวัดจนกลายเป็นบึงใหญ่ ในตำนานยังเล่าอีกว่าสมเด็จพระเจ้าอู่ทองทรงอพยพผู้คนหนีโรคระบาดมาอยู่ที่ริมบึงแห่งนี้
อีกจุดเด่นหนึ่งของวัดพระรามคือมีพระปรางค์องค์ใหญ่ ภายในกรุมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยอยุธยาตอนต้น เล่าถึงอดีตของพระพุทธเจ้า และยังมีพระปรางค์ขนาดเล็กสององค์ตั้งขนาบอยู่บนฐานเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีเจดีย์รายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นการก่อสร้างและซ่อมแซมวัดนี้อย่างต่อเนื่อง
6. วัดไชยวัฒนาราม
จุดเด่นของวัด
หากจะไปเที่ยววัดอยุธยา บอกเลยว่าห้ามพลาดวัดนี้เด็ดขาด! ย้ำว่าห้ามพลาด เพราะสวยงามมาก ยิ่งไปช่วงเย็น ๆ ใกล้ตะวันตกดินยิ่งสวย เพราะแสงอาทิตย์จะส่องกระทบมายังวัด และวัดนี้ยังอยู่ติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย ไปนั่งกินลมชมวิวได้เลย ประมาณ 19.00- 21.00 น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถานทุกวัน
สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดไชยวัฒนารามก็คือปรางค์ประธานของวัด ซึ่งจะมีบันไดทางขึ้นทั้ง 4 ด้าน ยอดปรางค์ทำเป็นรัดประคดซ้อนกัน 7 ชั้น บนสุดเป็นทรงดอกบัวตูม ภายในระเบียงคตมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยเรียงรายกันเป็นแถว ปัจจุบันไม่มีเศียรแล้ว และที่นี่ยังมีเจดีย์ที่สันนิษฐานว่าบรรจุพระอัฐิของ “เจ้าฟ้ากุ้ง” ผู้แต่งกาพย์เห่เรือให้เรา เฮ้! เฮ! กันในห้องเรียนด้วย (เจดีย์อยู่ข้างต้นไม้ใหญ่)
7. วัดพระงาม
จุดเด่นของวัด
วัดอยุธยาที่เลื่องชื่ออีกวัดหนึ่งก็คือวัดพระงามแห่งนี้ มีไฮไลต์สำคัญคือ “ประตูแห่งกาลเวลา” ซึ่งถูกรากของต้นโพธิ์ปกคลุมมาเป็นเวลาหลายร้อยปี ช่วงตะวันใกล้ตกดินดวงอาทิตย์จะสาดแสงสีส้มทองผ่านซุ้มประตู ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังก้าวเดินผ่านช่วงเวลาจากปัจจุบันไปยังอดีต ดูลึกลับ น่าค้นหา และสวยงาม หากเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนจะเป็นช่วงที่สวยที่สุด เพราะแสงจะตกลงมาตรงกลางประตูพอดี มองลอดเข้าไปยังประตูจะเห็นเจดีย์อยู่ตรงกลางเหมือนกรอบรูปเลยล่ะ
8. วัดกุฎีดาว
จุดเด่นของวัด
หากใครเคยได้ยิน “ตำนานปู่โสมเฝ้าทรัพย์” มันคือเรื่องเล่าของวัดกุฎีดาวในอยุธยาแห่งนี้นั่นเอง และยังเป็นสถานที่ถ่ายทำละครเรื่องพิษวาสอีกด้วย ตามตำนานเล่าว่าถ้าใครมาขุดสมบัติที่นี่จะต้องเจอดี จึงไม่มีใครกล้าเข้ามาขุดอีกเลย แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่ได้หมดแต่เพียงเท่านี้ ถ้าลองสังเกตอุโบสถจะเห็นเลยว่ายาวมาก หน้าต่างมีถึงด้านละ 8 บาน และฐานด้านข้างยังแอ่นโค้งเหมือนท้องสำเภาตามแบบอยุธยาตอนปลาย ทางด้านนอกกำแพงแก้วยังมีตำหนักที่เรียกว่า “กำมะเลียน” ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นที่พำนักของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เพื่อใช้เป็นที่พักแรมช่วงปฏิสังขรณ์วัดนี้นั่นเอง
9. วัดมเหยงคณ์
จุดเด่นของวัด
วัดมเหยงคณ์เป็นวัดอยุธยาที่อยู่ไม่ไกลจากวัดกุฎีดาว มีไฮไลต์สำคัญคือพระอุโบสถ ตั้งอยู่บนฐานสูง 2 ชั้น ลดหลั่นกัน นับว่าเป็นพระอุโบสถที่ใหญ่ที่สุดในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเลยก็ว่าได้ ช่วงวันพระใหญ่จะมีชาวพุทธจำนวนมากมาที่อุโบสถของวัดแห่งนี้เพื่อฟังธรรมและเวียนเทียน และจะมีช่างภาพหลายคนมาจับจองพื้นที่เพื่อถ่ายรูป จนที่นี่กลายเป็นสถานที่จัดงานวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่โด่งดัง นอกจากนี้ ยังมีเจดีย์ช้างล้อมเหมือนสมัยสุโขทัยอีกด้วย ควรค่าแก่การมาเยี่ยมชมมาก
10. วัดภูเขาทอง
จุดเด่นของวัด
มาถึงวัดสุดท้ายซึ่งก็คือวัดภูเขาทอง เป็นวัดอยุธยาที่ปรากฏอยู่ใน “นิราศภูเขาทอง” ของสุนทรภู่นั่นเอง ใครที่เข้าใจผิดคิดว่าเป็นวัดสระเกศนั่นไม่ใช่นะ! มันคือวัดนี้ต่างหาก มีสิ่งก่อสร้างที่สำคัญคือพระเจดีย์ภูเขาทอง เป็นเจดีย์ที่ใหญ่มาก ฐานของเจดีย์เป็นแบบมอญ ซึ่งสันนิษฐานว่าพม่าได้สร้างไว้เป็นที่ระลึกเมื่อคราวรบชนะไทย
แต่ต่อมาเมื่อสมเด็จพระนเรศวรกอบกู้เอกราชได้และมีชัยชนะเหนือสมเด็จพระมหาอุปราชาแห่งพม่า จึงสร้างเจดีย์แบบอยุธยาต่อจากฐานเดิมเพื่อประกาศชัยชนะของพระองค์ที่เหนือพม่า กลายเป็นว่าเจดีย์นี้มีทั้งศิลปะของมอญกับอยุธยาในองค์เดียวกัน
ทั้งหมดเป็น 10 วัดอยุธยาที่ห้ามพลาด และต้องบอกไว้ตรงนี้เลยว่ายังมีวัดตามจุดต่าง ๆ อีกเยอะมาก ซึ่งเราสามารถขับผ่านหรือแวะชมได้เรื่อย ๆ ใครที่หลงใหลในโบราณวัตถุหรือสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ไม่ผิดหวังชัวร์
